ภาพประกอบ




อาหารคือยา สุขภาพตับคือชีวิต



ชวนตั้งคำถามก่อนอ่าน ??


          เราเคยสำรวจหรือยังว่าอาหารที่กินทุกวัน—กำลังเยียวยาร่างกาย หรือค่อย ๆ ทำร้ายตับเราอยู่เงียบๆ

          ท่ามกลางกระแสของโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ตับในฐานะอวัยวะสำคัญที่ทำหน้าที่กำกับสมดุลของเมตาบอลิซึมในร่างกาย กลับถูกมองข้ามในชีวิตประจำวัน จนกระทั่งเกิดโรคเรื้อรังโดยที่ไม่แสดงอาการชัดเจน World Liver Day ประจำปี 2025 ซึ่งจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Food is Medicine: Healthy Diet, Healthier Liver” จึงมีเป้าหมายเพื่อย้ำเตือนถึงบทบาทของ “อาหาร” ในฐานะกลไกสำคัญที่ช่วยดูแลสุขภาพตับ และยกระดับความรู้ด้านการป้องกันและจัดการโรคไขมันพอกตับ (Metabolic dysfunction-associated steatotic liver disease: MASLD) ซึ่งกำลังกลายเป็นปัญหาสาธารณสุขสำคัญทั้งในเด็กและผู้ใหญ่



โรค MASLD: ความเปลี่ยนแปลงของคำจำกัดความ และผลกระทบเชิงระบาดวิทยา

         หนึ่งในหัวใจสำคัญของเวทีครั้งนี้คือการอธิบายภาพรวมของ MASLD ซึ่งมีจุดกำเนิดจากกลุ่มอาการเมตาบอลิก เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง และภาวะอ้วน โดยมีการปรับนิยามโรคใหม่จาก NAFLD (Non-alcoholic fatty liver disease) ไปสู่ MASLD เพื่อให้ครอบคลุมความซับซ้อนของกลุ่มเสี่ยงที่มากขึ้น รวมถึงกลุ่มคนที่ไม่อ้วนแต่มีความผิดปกติของเมตาบอลิซึมภายใน (lean NAFLD) ข้อมูลเชิงระบาดวิทยายังบ่งชี้ว่าในผู้ป่วยที่มีภาวะตับแข็งในระยะต้น หากไม่ได้รับการวางแผนดูแล อาจเกิดภาวะ decompensation หรือภาวะตับล้มเหลวในเวลาเพียง 2 ปี ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความเร่งด่วนในการตรวจคัดกรองโรคตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม



กลยุทธ์การคัดกรองและประเมินความเสี่ยง: Non-invasive Tools เพื่อการตัดสินใจเชิงระบบ

          แนวทางที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลคือการใช้เครื่องมือประเมินที่ไม่รุกราน เช่น FIB-4 score และ NAFLD fibrosis score ซึ่งสามารถใช้ข้อมูลพื้นฐาน เช่น อายุ ค่าเอนไซม์ตับ และเกล็ดเลือด เพื่อประเมินระดับพังผืดในตับได้อย่างแม่นยำ โดยแนะนำให้ใช้รูปแบบการประเมินแบบลำดับขั้น (stepwise approach) เริ่มจากการประเมินด้วย FIB-4 และตามด้วย FibroScan ในกลุ่มที่อยู่ในระดับกลางหรือสูง ทั้งนี้ยังมีข้อเสนอว่าควรมีระบบ “electronic alert” ในสถานพยาบาลเพื่อแจ้งเตือนให้แพทย์ทำการประเมินผู้ป่วยเบาหวานที่มีความเสี่ยง


อาหารกับบทบาทการรักษา: เปรียบเทียบเมดิเตอร์เรเนียนไดเอตและคีโตเจนิกไดเอต

          ในส่วนของการบำบัดด้วยอาหาร มีการนำเสนอการเปรียบเทียบระหว่างเมดิเตอร์เรเนียนไดเอตและคีโตเจนิกไดเอต โดยพบว่าทั้งสองแนวทางสามารถช่วยลดไขมันในตับได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ดี เมดิเตอร์เรเนียนไดเอตถือเป็นรูปแบบที่มีหลักฐานสนับสนุนมากที่สุดในเวทีวิชาการ เพราะเป็นอาหารที่มีความสมดุลสูง อุดมด้วยผัก ผลไม้ ถั่ว ธัญพืชไม่ขัดสี ปลา และไขมันดีจากน้ำมันมะกอก ซึ่งสามารถประยุกต์เข้ากับอาหารไทยได้โดยใช้น้ำมันรำข้าวและปลาทูแทนปลาแถบเมดิเตอร์เรเนียน ขณะที่คีโตเจนิกไดเอต แม้ช่วยลดไขมันตับได้ในระยะสั้น แต่ต้องใช้ความระมัดระวังและอยู่ภายใต้การดูแลทางคลินิก โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะตับแข็งหรือมีความเสี่ยงด้านโภชนาการ



ปัจจัยเสริมพฤติกรรม: การออกกำลังกาย การนอนหลับ และกาแฟกับสุขภาพตับ

          เวทีเสวนายังขยายความแนวคิด “อาหารคือยา” ไปสู่พฤติกรรมอื่นที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพตับ เช่น การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การนอนหลับที่มีคุณภาพ และการดื่มกาแฟดำในปริมาณพอเหมาะ (วันละ 2–3 แก้ว) ซึ่งล้วนมีผลเชิงป้องกันต่อการสะสมไขมันและการเกิดพังผืดในตับ โดยพบว่าแม้การออกกำลังกายเพียงอย่างเดียวโดยไม่ลดน้ำหนัก ก็สามารถลดไขมันในตับได้ และถ้าทำต่อเนื่องอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ จะมีผลดีต่อความไวของอินซูลินและสุขภาพหัวใจร่วมด้วย ส่วนการนอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมงหรือมากกว่า 9 ชั่วโมงกลับเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะไขมันพอกตับ ซึ่งสัมพันธ์กับการรบกวนวงจรชีวภาพของร่างกาย



โรคไขมันพอกตับในเด็ก: วิกฤตเงียบของสาธารณสุข

          สำหรับในเด็กและวัยรุ่น ปัญหา MASLD กำลังกลายเป็นวิกฤตทางสาธารณสุขที่ต้องจับตามอง เนื่องจากมีสัดส่วนผู้ป่วยเด็กที่มีภาวะพังผืดขั้นรุนแรงเพิ่มสูงขึ้น เด็กที่มีภาวะอ้วนหรือดื่มเครื่องดื่มหวานเป็นประจำมีแนวโน้มเป็นไขมันพอกตับสูงถึง 30–40% ซึ่งหากไม่ได้รับการดูแลตั้งแต่ต้นอาจนำไปสู่ภาวะตับแข็งในอนาคต การวินิจฉัยในเด็กจึงควรคำนึงถึงโรคทางพันธุกรรมควบคู่กับการประเมินพฤติกรรมการกิน การใช้ชีวิต และปัจจัยในครอบครัว



บทสรุป: มุมมองจาก the SPACE

          the SPACE เชื่อว่า สุขภาพตับที่ดีไม่ใช่เรื่องของหมออย่างเดียว แต่คือเรื่องของเราทุกคน เพราะอาหารที่เรากิน พฤติกรรมที่เราทำในแต่ละวัน ล้วนส่งผลต่อตับโดยตรง “อาหารคือยา” ไม่ได้หมายถึงเมนูพิเศษหรือของแพง แต่คือความรู้เล็ก ๆ ที่เปลี่ยนชีวิตได้ เช่น รู้จักเลือกน้ำมันที่ดี กินผักผลไม้มากขึ้น ดื่มกาแฟดำแทนเครื่องดื่มหวาน หรือแม้กระทั่งเดินให้มากขึ้นในแต่ละวัน ถ้าทุกคนช่วยกันปรับเปลี่ยนทีละนิด ในบ้าน โรงเรียน ชุมชน หรือที่ทำงาน เราก็จะสามารถลดโรคตับเรื้อรัง และสร้างสังคมที่มีสุขภาพดีขึ้นอย่างยั่งยืนได้

สังเคราะห์และเรียบเรียงจาก: