OCCU-PLAY-TION

ทำงานให้เป็นเรื่องเล่น จะเห็นสุข


ปรีดี แก้วกล้า


เจ้าพนักงานเภสัชกรรม: เบื้องหลังระบบยา สู่บทบาทดูแลสุขภาพชุมชน

เส้นทางชีวิตกับอาชีพที่คนไม่ค่อยรู้จัก แต่สำคัญกว่าที่คิด


เพิ่มตัวหนา

      ในระบบสาธารณสุขของไทย มีหลายตำแหน่งที่ทำหน้าที่สนับสนุนทีมแพทย์และพยาบาลอย่างใกล้ชิด ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “เจ้าพนักงานเภสัชกรรม” อาชีพที่แม้จะไม่ค่อยถูกพูดถึงในที่สาธารณะ แต่กลับมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งยวดในการดูแลระบบยาให้มีคุณภาพ ปลอดภัย และเข้าถึงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในโรงพยาบาลระดับอำเภอที่มีทรัพยากรจำกัด บทบาทของเจ้าพนักงานเภสัชกรรมจึงไม่ได้หยุดอยู่ที่ห้องจ่ายยา แต่ยังครอบคลุมถึงการบริหารจัดการเวชภัณฑ์ การคุ้มครองผู้บริโภค การผลิตยาใช้เองในโรงพยาบาล ตลอดจนการทำงานเชิงรุกกับชุมชน

      SPACE Interview – OCCU-PLAY-TION วันนี้ ขอพาไปทำความรู้จักกับอีกหนึ่งอาชีพในระบบสาธารณสุขที่หลายคนอาจไม่เคยได้ยินชื่อ แต่มีบทบาทสำคัญไม่น้อยไปกว่าใคร — “เจ้าพนักงานเภสัชกรรม” ผ่านเรื่องราวของ นายปรีดี แก้วกล้า เจ้าพนักงานเภสัชกรรมชำนาญงาน โรงพยาบาลปทุมราชวงศา จังหวัดอำนาจเจริญ ผู้ปฏิบัติงานด่านหน้าที่อยู่กับอาชีพนี้มานานนับสิบปี และยังคงเชื่อมั่นว่า“แม้เราจะไม่ใช่หมอ ไม่ใช่เภสัชกร แต่เราก็เป็นฟันเฟืองตัวเล็ก ๆ ที่ทำให้ระบบสาธารณสุขทำงานได้อย่างมั่นคงและปลอดภัย”

      เรื่องราวของเขา อาจเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจที่ช่วยให้เด็ก ๆ และคนรุ่นใหม่ มองเห็นเส้นทางของตัวเองได้ชัดเจนขึ้น รวมถึงทำให้ใครหลายคนได้รู้จักอาชีพที่สำคัญแต่อาจไม่เคยถูกพูดถึงอย่างเจ้าพนักงานเภสัชกรรม ผู้เป็นเบื้องหลังระบบยาและความปลอดภัยของผู้ป่วยในโรงพยาบาลระดับอำเภอ





จากเด็กสายวิทย์ สู่ความใฝ่ฝันที่จะทำงานในระบบสุขภาพ

      ปรีดีเล่าว่า ตั้งแต่ยังเรียนมัธยม ความฝันของเขาคือการได้ทำงานในระบบสาธารณสุข โดยเฉพาะอาชีพที่สามารถบรรจุเข้ารับราชการได้ และเป็นที่ยอมรับของครอบครัว ด้วยความที่เป็นเด็กต่างจังหวัด พ่อแม่จึงอยากให้มีอาชีพมั่นคง และเขาเองก็มีใจชอบทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพอยู่แล้ว


“ตอนนั้นเราสนใจพวกหมอ พยาบาล สาธารณสุข เภสัช อะไรพวกนี้หมดเลย ก็เลยเลือกเรียนสายวิทย์ – คณิตไว้ก่อน เพราะคิดว่าไปต่อสายสุขภาพน่าจะได้เปรียบกว่าสายอื่น”


      แม้จะเคยมีความคิดอยากเรียนกฎหมาย เพราะถนัดวิชาสังคมและคิดว่าน่าสนุก แต่ในที่สุดก็เลือกสายวิทย์ ด้วยเหตุผลเรื่องโอกาสในการเข้ารับราชการ และความเชื่อว่าการได้ทำงานในโรงพยาบาลเป็นสิ่งที่มีคุณค่า





ทางอ้อมก่อนกลับมาเริ่มต้นใหม่: เรียนบัญชีเพราะจำเป็น

      


“แม่ถามว่า เรียนบัญชีแล้วจะไปทำอะไร เราก็ยังตอบไม่ได้ เพราะใจมันก็ยังรักสายสุขภาพอยู่…เรียนบัญชีไป ก็ไม่ได้เกลียด แต่มันไม่ใช่ทางของเราเลย”


      หนึ่งปีที่เรียนบัญชี ปรีดีจึงใช้เป็นช่วงเวลาเตรียมตัวสอบใหม่ ด้วยความหวังว่าจะได้กลับมาในสายสุขภาพอีกครั้ง และในปีถัดมา เขาก็พบหลักสูตรหนึ่งที่เปิดสอบตรง คือ “เทคนิคเภสัชกรรม” ของวิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร อุบลราชธานี ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับของกระทรวงสาธารณสุขโดยตรง


“ตอนเห็นว่ามีเทคนิคเภสัชเปิดสอบตรง เราก็สนใจเลย เพราะคิดว่าถ้าได้เรียนสายนี้ น่าจะมีโอกาสได้ทำงาน ในโรงพยาบาลจริง ๆ…ไม่ต้องอ้อมไกลแล้ว”




เรียนจริง ฝึกจริง จนเห็นภาพชัดว่า “เราจะอยู่ตรงนี้ได้”

      หลักสูตรเทคนิคเภสัชกรรมที่ปรีดีเรียน เป็นหลักสูตร 2 ปี ที่เน้นทั้งภาคทฤษฎีและการฝึกปฏิบัติในโรงพยาบาลจริง ปีแรกเรียนที่วิทยาลัย ปีถัดไปจะกระจายฝึกงานตามโรงพยาบาลในจังหวัดใกล้เคียง โดยปรีดีได้รับมอบหมายให้ไปฝึกที่โรงพยาบาลคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร ซึ่งมีผู้ป่วยนอกวันละ 300 ราย และมีห้องจ่ายยาให้ฝึกงานอย่างต่อเนื่อง


“มันไม่ใช่แค่สั่งยาใส่ถุง แต่เราต้องเช็คใบสั่งยา ว่าแพทย์สั่งถูกไหม ยานี้ใช้กับโรคนี้ได้ไหม คนไข้แพ้ยาหรือ เปล่า ต้องสกรีนข้อมูลให้ครบก่อนถึงจะจ่ายได้”


      เขาเล่าว่า สิ่งที่เปลี่ยนทัศนคติของเขาไปมากที่สุดคือ การได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการปรุงยาใช้เองภายในโรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นน้ำยา ละลายเสมหะ ยาน้ำแก้ไอ หรือยาทาภายนอกหลายชนิด ซึ่งเขามองว่าเป็นการต่อยอดจากความรู้เดิมที่เคยมีในฐานะผู้บริโภค มาเป็นผู้ผลิตอย่างเต็มตัว


“มันเป็นจุดที่เรารู้สึกว่าเราไม่ได้เป็นแค่คนใช้ยาอีกต่อไปแล้ว แต่เราเป็นคนทำยา เป็นคนเตรียมยาให้คนไข้ จริง ๆ”




งานที่มากกว่าแค่การจ่ายยา: บทบาทรอบด้านของเจ้าพนักงานเภสัชกรรม

      เมื่อสอบจบและได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการที่โรงพยาบาลปทุมราชวงศา จังหวัดอำนาจเจริญ ปรีดี แก้วกล้า เริ่มต้นทำงานในตำแหน่ง “เจ้าพนักงานเภสัชกรรม” ซึ่งแม้จะเป็นตำแหน่งในสายเทคนิค แต่กลับมีภารกิจที่หลากหลายและซับซ้อนกว่าที่คนทั่วไปคาดคิด เขาอธิบายว่า หน้าที่หลักของเจ้าพนักงานเภสัชกรรมสามารถแบ่งบทบาทออกได้เป็น 4 ด้านหลัก ดังนี้ :

  1. งานบริการด้านยา (Dispensing & Patient Counseling)

    เจ้าพนักงานเภสัชกรรมมีบทบาทสำคัญในการจ่ายยาให้ผู้ป่วยนอก (OPD) และดูแลผู้ป่วยใน (IPD) โดยต้องตรวจสอบความถูกต้องของใบสั่งยา ชนิดยา ปริมาณยา และข้อควรระวัง ก่อนให้คำแนะนำผู้ป่วยเกี่ยวกับวิธีใช้ยาอย่างเหมาะสม ในโรงพยาบาลขนาดเล็ก เช่น โรงพยาบาลระดับอำเภอ บทบาทของเจ้าพนักงานเภสัชกรรมมีความสำคัญอย่างมาก เพราะต้องทำหน้าที่หลายด้านควบคู่กัน โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เภสัชกรมีจำกัด เจ้าพนักงานฯ จึงเป็นผู้ช่วยที่ขับเคลื่อนระบบให้ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น

  2. “บางทีเราต้องอธิบายกับคนไข้ว่าอาการที่เขาเป็น มันไม่ใช่แพ้ยา แต่เป็นผลข้างเคียงธรรมดา เช่น ยาแก้แพ้ที่ กินแล้วง่วง ซึ่งถ้าไม่อธิบายดี ๆ เขาอาจจะไม่กล้ากินอีกเลยก็ได้”

  3. งานบริหารเวชภัณฑ์ (Inventory & Stock Management)

    งานคลังยาและเวชภัณฑ์เป็นอีกหน้าที่หลักที่ต้องอาศัยความรอบคอบอย่างสูง เจ้าพนักงานเภสัชกรรมต้องดูแลการจัดซื้อ การเบิกจ่าย การจัดเก็บ และการควบคุมคุณภาพของยา เพื่อป้องกันปัญหายาหมด ยาค้าง หรือยาหมดอายุ ทั้งยังต้องวางระบบติดตามเวชภัณฑ์ให้มีประสิทธิภาพ และตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินได้ทันท่วงที/p>

  4. “ไม่ใช่แค่รู้ว่ายาคืออะไร แต่ต้องรู้ด้วยว่าจะจัดการยังไงให้ยามันไม่ขาด ไม่ค้าง ไม่หมดอายุ และคนไข้ได้ใช้ยา ที่มีคุณภาพ”

  5. งานผลิตยาใช้ภายในโรงพยาบาล (In-house Drug Compounding)

    ในบริบทของโรงพยาบาลระดับอำเภอที่มีงบประมาณจำกัด เจ้าพนักงานเภสัชกรรมต้องมีความสามารถในการผลิตยาขึ้นใช้เองภายในโรงพยาบาล ซึ่งรวมถึงการปรุงยาน้ำ ยาทา ยาผง และเวชภัณฑ์อื่น ๆ เช่น น้ำเกลือล้างแผล น้ำยาบ้วนปาก หรือยาทาแก้ปวดกล้ามเนื้อ เพื่อลดต้นทุนการจัดซื้อและเพิ่มความมั่นคงด้านยาในระยะยาว ภารกิจนี้ไม่เพียงต้องใช้ความรู้ทางเภสัชเทคนิค แต่ยังต้องอาศัยการคำนวณ การควบคุมคุณภาพ และการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ

  6. 4. งานคุ้มครองผู้บริโภคด้านยาและสุขภาพ (Consumer Protection in Drug Use)

    เจ้าพนักงานเภสัชกรรมยังมีบทบาทในฐานะทีมสนับสนุนงานคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งต้องร่วมกับสาธารณสุขอำเภอและฝ่ายปกครอง ออกตรวจสอบสถานที่จำหน่ายยา เช่น ร้านขายยา คลินิก ร้านอาหารเสริม หรือสถานประกอบการที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ เพื่อควบคุมคุณภาพ ป้องกันการจำหน่ายยาผิดกฎหมาย และสร้างความปลอดภัยแก่ประชาชนในพื้นที่



      ด้วยบทบาทที่หลากหลายเช่นนี้ เจ้าพนักงานเภสัชกรรมจึงเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้ระบบสุขภาพระดับปฐมภูมิสามารถดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ไม่ใช่บทบาทที่โดดเด่นในสายตาสาธารณชน แต่กลับเป็นตำแหน่งที่ขาดไม่ได้ในระบบสาธารณสุขไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทที่มีทรัพยากรจำกัด สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า งานของเจ้าพนักงานเภสัชกรรมไม่ได้จำกัดอยู่เพียง “การจ่ายยา” อย่างที่หลายคนเข้าใจ หากแต่เป็นงานที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำของระบบยา และเชื่อมโยงกับการดูแลผู้ป่วยโดยตรง ทั้งในเชิงเทคนิคและการสื่อสารกับผู้ใช้ยา


“บางทีเราต้องอธิบายกับคนไข้ว่าอาการที่เขาเป็น มันไม่ใช่แพ้ยา แต่เป็นผลข้างเคียงธรรมดา เช่น ยาแก้แพ้ที่ กินแล้วง่วง ซึ่งถ้าไม่อธิบายดี ๆ เขาอาจจะไม่กล้ากินอีกเลยก็ได้… เจ้าพนักงานเภสัชกรรมไม่ได้มีหน้าที่แค่ จ่ายยา เรายังทำงานด้านคลังยา ผลิตยา และออกตรวจร้านขายยาในชุมชนด้วย มันคือระบบที่ใหญ่กว่าที่คน ทั่วไปมองเห็นเยอะ”



ความแตกต่างจากเภสัชกร และบทบาทที่ถูกมองข้าม

      แม้ว่าเจ้าพนักงานเภสัชกรรมจะไม่ได้มีวุฒิปริญญาเภสัชศาสตร์หรือใบประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม แต่ปรีดี แก้วกล้า เชื่อมั่นว่า บทบาทของเขาในระบบสุขภาพนั้นมีคุณค่าไม่แพ้กัน โดยเฉพาะในบริบทของโรงพยาบาลชุมชนที่ทรัพยากรบุคคลมีจำกัด บทบาทของเจ้าพนักงานเภสัชกรรมจึงไม่เพียงเป็นผู้ช่วยในระบบยา แต่คือผู้ที่ดูแลตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทั้งในแง่การจัดเตรียมยา ดูแลคลังยา ติดตามคุณภาพเวชภัณฑ์ ตลอดจนสื่อสารกับผู้ป่วย


“เภสัชกรอาจเป็นคนตรวจสุดท้ายก่อนจ่ายยา แต่เราคือคนที่เตรียม ติดตาม และดูแลตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ไม่งั้นระบบมันจะไม่สมบูรณ์”


      ความแตกต่างระหว่างเภสัชกรกับเจ้าพนักงานเภสัชกรรมในเชิงกฎหมาย อาทิ การเซ็นอนุมัติคำสั่งใช้ยาหรือควบคุมยาพิเศษ ย่อมเป็นสิ่งที่ต้องเคารพตามวิชาชีพ แต่ในทางปฏิบัติ ทั้งสองวิชาชีพต่างทำงานประสานกันอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในโรงพยาบาลอำเภอ ซึ่งเจ้าพนักงานเภสัชกรรมมักจะเป็นคนวางระบบและรองรับการทำงานของเภสัชกรให้ราบรื่นและปลอดภัยที่สุดสำหรับผู้ป่วย

      ปรีดีเปรียบเทียบบทบาทของตนเองว่า แม้จะเป็นฟันเฟืองเล็ก ๆ ในระบบใหญ่ แต่ก็เป็นฟันเฟืองที่ขาดไม่ได้ เพราะหน้าที่หลักคือการเป็น “สะพาน” เชื่อมโยงระหว่างแพทย์ ยา และผู้ป่วย


“เรารู้ว่าเราไม่ได้เป็นหมอ ไม่ใช่เภสัชกร แต่เราก็รู้ว่าเรากำลังทำหน้าที่สำคัญบางอย่าง ที่ถ้าขาดเราไป ระบบ มันก็เดินสะดุด…เราอาจจะเป็นแค่ฟันเฟืองเล็ก ๆ แต่ก็เป็นฟันเฟืองที่ขาดไม่ได้


      เส้นทางชีวิตที่เขาเลือก จึงไม่ใช่เพียงเพราะความมั่นคงในฐานะข้าราชการ แต่เพราะได้เห็นคุณค่าของการทำให้ระบบสุขภาพเดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และใกล้ชิดกับผู้คนในชุมชนอย่างแท้จริง





ความท้าทายที่ไม่เคยอยู่ในตำรา

      ในมุมของความท้าทาย ปรีดียอมรับว่า งานนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของยาและสูตรยา แต่คือการจัดการกับคน ระบบ และสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เช่น การขาดแคลนเวชภัณฑ์ การบริหารงบจำกัด หรือแม้แต่การรับมือกับความเข้าใจผิดของผู้ป่วยเกี่ยวกับผลข้างเคียงของยา


“มีครั้งหนึ่งคนไข้บอกว่าแพ้ยา เพราะกินแล้วง่วง ทั้งที่จริง ๆ มันเป็นผลข้างเคียงปกติของยาแก้แพ้… ถ้าเรา ไม่อธิบายดี ๆ เขาอาจจะไม่กล้ากินยาอีกเลยก็ได้”


      นอกจากนี้ ยังมีการทำงานร่วมกับทีมสหวิชาชีพ ซึ่งแม้จะเป็นจุดแข็งของระบบโรงพยาบาล แต่ก็มีความยากในแง่การประสานข้อมูล และการสื่อสารความเข้าใจร่วมกัน โดยเฉพาะเมื่อต้องทำงานแข่งกับเวลาในภาวะฉุกเฉิน

      ความสุขในการทำงาน: ยาอาจเป็นของแข็ง แต่ความรู้สึกคือพลังงาน

      แม้เจ้าพนักงานเภสัชกรรมจะไม่ได้อยู่หน้าฉากของการรักษาเหมือนแพทย์หรือพยาบาล แต่ปรีดีกล่าวว่า “ทุกหน้าที่ที่เราทำ ล้วนมีผลต่อคุณภาพการรักษา” ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมยา การตรวจสอบ หรือแม้แต่การอธิบายผลข้างเคียงให้ผู้ป่วยเข้าใจ ความสุขในการทำงานจึงไม่ได้มาจากคำชม หรือการได้รับรางวัล แต่เกิดขึ้นในทุกวันที่ได้เห็นว่าสิ่งที่ทำส่งผลต่อสุขภาพและความไว้วางใจของคนไข้


“เราว่าความสุขมันเกิดขึ้นได้ตลอดนะ เวลาเรารู้ว่าสิ่งที่เราทำอยู่เบื้องหลัง มันช่วยให้คนไข้ได้รับการรักษาที่ดี ขึ้น เช่น คนไข้บางคนที่เคยเข้าใจผิดเรื่องยา แต่พอเราช่วยอธิบายให้เขาเข้าใจ แล้วเขากลับมาขอบคุณ มันก็ทำให้รู้สึกว่า… งานของเรามีความหมายนะ”


      หนึ่งในเหตุการณ์ที่ปรีดียกขึ้นมาเล่าคือกรณีของผู้ป่วยรายหนึ่งที่มีภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน ซึ่งต้องใช้ยาหลายชนิดร่วมกัน ผู้ป่วยมีความกังวลสูงจากอาการไม่พึงประสงค์และเข้าใจผิดว่ายาบางตัวทำให้เขาแย่ลง ปรีดีซึ่งดูแลเรื่องยาโดยตรงจึงได้เข้าพูดคุยและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด ช่วยทำให้ผู้ป่วยคลายความกังวลและยอมรับการรักษาได้ในที่สุด


“เคสนี้เราไม่ได้แค่จ่ายยา แต่ต้องอธิบายกลไกของยา ผลข้างเคียง ความจำเป็น และวิธีใช้ที่ถูกต้อง มันเหมือนเราช่วยเขาให้เข้าใจร่างกายตัวเองมากขึ้นด้วยซ้ำ… แล้วพอเห็นว่าเขาอาการดีขึ้น มันก็รู้เลยว่า สิ่งที่เราทำมันมีค่ามากจริง ๆ”




คำแนะนำถึงคนรุ่นใหม่: อาชีพที่ไม่โดดเด่น แต่มั่นคงและมีคุณค่า

      สำหรับผู้ที่สนใจทำงานในสายเจ้าพนักงานเภสัชกรรม ปรีดี แก้วกล้า แนะนำว่า สิ่งสำคัญอันดับแรกคือ “ใจต้องรักก่อน” เพราะงานนี้แม้จะอยู่ในสายเทคนิค แต่มีความละเอียด ละเมียด และต้องทำงานกับคนในหลากหลายสถานการณ์ ทั้งหน้าห้องจ่ายยา ในคลังยา ห้องผลิตยา หรือแม้แต่การลงพื้นที่ตรวจร้านขายยาในชุมชน


“คนที่อยากทำสายนี้ควรศึกษาว่าเรารับได้ไหมกับงานลักษณะนี้ คือมันมีทั้งความเป็นวิชาการ มีทั้งการลงมือ และต้องทำงานร่วมกับคนหลายฝ่าย ถ้าไม่ชอบงานบริการหรือไม่ละเอียดก็อาจลำบากหน่อย”


      ในแง่ของทักษะ เขาย้ำว่า ผู้ทำงานด้านนี้ต้องมีความรู้ด้านเภสัชเบื้องต้นที่แน่น โดยเฉพาะเรื่องยาและเวชภัณฑ์ รู้หลักการเก็บยา ตรวจสอบคุณภาพ และสามารถอธิบายการใช้ยาแก่ผู้ป่วยได้อย่างชัดเจน ทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์และการทำงานเป็นทีมก็เป็นหัวใจสำคัญ เพราะเจ้าพนักงานเภสัชกรรมต้องประสานงานกับแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่อื่น ๆ ตลอดจนผู้ป่วยและครอบครัว


“บางครั้งต้องไปช่วยเคลียร์ปัญหาในทีม บางครั้งต้องอธิบายให้คนไข้เข้าใจ ว่าทำไมต้องใช้ยานี้ ไม่ใช่แค่จ่าย ยาแล้วจบ มันคือการดูแลต่อเนื่อง


       นอกจากความรู้เฉพาะด้านแล้ว ความเข้าใจในระบบงานสาธารณสุขและการบริหารจัดการเวชภัณฑ์ก็เป็นอีกมิติที่ขาดไม่ได้ ปรีดีบอกว่า “ต้องไม่ใช่แค่รู้ว่ายาคืออะไร แต่ต้องรู้ด้วยว่าจะจัดการยังไงให้ยามันไม่ขาด ไม่ค้าง ไม่หมดอายุ และคนไข้ได้ใช้ยาที่มีคุณภาพ”

      เมื่อถามถึงโอกาสเติบโตในสายงาน เขาเชื่อว่าอาชีพเจ้าพนักงานเภสัชกรรมแม้จะไม่โดดเด่นเหมือนแพทย์หรือพยาบาล แต่ก็มีเส้นทางชัดเจนในระบบราชการ ตั้งแต่ระดับปฏิบัติงานไปจนถึงชำนาญการพิเศษ รวมถึงสามารถต่อยอดไปยังสายงานอื่นในระบบสุขภาพ หรือศึกษาต่อเพื่อสอบเป็นเภสัชกรก็ได้เช่นกัน


“ผมเชื่อว่าอาชีพนี้มีเส้นทางที่กว้างขึ้นนะ ถ้าเรามีความตั้งใจ มันไม่ได้หยุดอยู่ที่การจ่ายยา แต่ไปได้ถึงการ วางระบบยาให้โรงพยาบาล หรือแม้แต่มีส่วนในงานวิจัยหรือควบคุมคุณภาพยาในภาพรวมเลยก็ได้”


      ท้ายที่สุด ปรีดีสะท้อนว่า แม้งานที่ทำอาจดูเหมือนกิจวัตรซ้ำ ๆ อยู่ในห้องยา แต่สำหรับเขา ความหมายของงานปรากฏขึ้นทุกครั้งที่ผู้ป่วยอาการดีขึ้น และกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ


“บางคนอาจมองว่าเราทำงานซ้ำ ๆ อยู่แต่ในห้องยา แต่สำหรับผม ทุกครั้งที่คนไข้กินยาแล้วอาการดีขึ้น มัน คือสิ่งที่ยืนยันว่า… สิ่งที่เราทำ มันมีความหมายจริง ๆ”



ฟันเฟืองเล็ก ๆ ที่ขับเคลื่อนระบบใหญ่: คุณค่าที่ไม่ได้อยู่ในชื่อวิชาชีพ แต่ซ่อนอยู่ในบทบาทที่คนมองไม่เห็น

      เรื่องราวของ “ปรีดี แก้วกล้า” ทำให้เรามองเห็นความหมายของการทำงานในแบบที่ต่างไป อาชีพเจ้าพนักงานเภสัชกรรมอาจไม่ใช่ชื่อที่ใครหลายคนคุ้นหู แต่กลับเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่ทำให้ระบบสาธารณสุขไทยเดินหน้าไปได้ โดยเฉพาะในโรงพยาบาลระดับอำเภอที่มีทรัพยากรจำกัด

      theSPACE เราเชื่อว่า ความหมายของงานไม่จำเป็นต้องอยู่ที่ตำแหน่งหรือป้ายชื่อหน้าห้อง หากแต่อยู่ที่ “บทบาท” และ “ผลกระทบ” ที่อาชีพนั้นมีต่อชีวิตผู้คน และในกรณีนี้ เจ้าพนักงานเภสัชกรรมคือผู้ดูแลระบบยาอย่างครบวงจร ทั้งการผลิต จัดเก็บ จ่าย ติดตามผล และสื่อสารความเข้าใจกับผู้ป่วยในแนวหน้าของระบบสุขภาพ บทสัมภาษณ์นี้ไม่เพียงเปิดเผยแง่มุมของอาชีพที่มักถูกมองข้าม แต่ยังสะท้อนว่า ทุกอาชีพมีทางเติบโต หากมีใจที่รักงาน เข้าใจระบบ และมุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

      นี่คือหนึ่งในภารกิจของคอลัมน์ OCCU-PLAY-TION: ทำงานให้เป็นเรื่องเล่น จะเห็นสุข — พาเราไปรู้จักโลกของการทำงานที่หลากหลายกว่าแค่ภาพจำ เพื่อให้เด็ก ๆ และคนรุ่นใหม่ได้เห็นว่า เส้นทางของตัวเองอาจอยู่ในงานที่ไม่เคยถูกพูดถึง…แต่มากด้วยความหมายกว่าที่คิด







อรรถพล คู่กระสังข์

เชื่อในพลังของการเรียนรู้ที่ไม่รู้จบ สนใจสำรวจเรื่องราวที่เชื่อมโยงผู้คน วิถีชีวิต สังคม และวัฒนธรรม โดยเฉพาะรากเหง้าอีสาน ชื่นชอบการเดินทางเพื่อเปิดโลกใหม่ ๆ และชอบคลายเครียดด้วยทำอาหาร