Noteworthy People Around You

บุคคลที่คุณควรรู้จัก


ดร.มาฆะรัตน์ อัมพรเกียรติพล


การบูรณาการที่ตอบโจทย์ความเสมอภาค


กับภารกิจการเชื่อมแนวคิด Loose Parts Play สู่โรงเรียนที่มีความเหลื่อมล้ำด้านโอกาส

      ในประเทศที่เด็กบางคนต้องเรียนหนังสือโดยไม่มีแม้แต่โต๊ะเรียน ครูบางคนต้องทำสื่อการสอนจากขวดน้ำและฝาขวด เด็กเล็กจำนวนไม่น้อยกำลังเติบโตขึ้นท่ามกลางระบบที่ไม่เคยให้โอกาสพวกเขาเท่ากับเด็กในเมืองใหญ่ — ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในไทยไม่ใช่เพียงตัวเลขบนรายงาน แต่คือชีวิตจริงของเด็กนับล้านคนที่ไม่สามารถเข้าถึงกระบวนการเรียนรู้ที่เหมาะสม โดยเฉพาะในช่วงปฐมวัย ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาคนทั้งชีวิต

      เพราะ “โอกาสในการเรียนรู้” ไม่ใช่เรื่องของหนังสือหรือเทคโนโลยีเท่านั้น แต่รวมถึงสื่อการเล่นที่ส่งเสริมพัฒนาการ การมีครูที่เข้าใจเด็ก และสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยให้เด็กได้เติบโตอย่างสมวัย ในบริบทที่หลายโรงเรียนยังขาดแคลนงบประมาณ การจัดสื่อการเรียนรู้ที่มีคุณภาพจึงกลายเป็นสิ่งที่ห่างไกล เด็กในชนบทอาจไม่มีของเล่นราคาแพง แต่พวกเขาก็มีสิทธิ์จะได้ “เล่นอย่างมีคุณภาพ” เหมือนกับเด็กคนอื่น ๆ ทั่วประเทศ

      ด้วยความเชื่อนี้ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) จึงได้จัดอบรมเชิงปฏิบัติการหัวข้อ “การเล่นตามแนวคิด Loose Parts Play” เมื่อวันที่ 17–18 ตุลาคม 2568 ณ โรงแรมที เค พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น ภายใต้โครงการ “การบูรณาการการทำงานและเชื่อมโยงเครือข่ายการพัฒนาคุณภาพและสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาแก่เด็ก เยาวชน และกลุ่มเป้าหมายของ กสศ.” เพื่อสร้างโอกาสใหม่ให้แก่ครูปฐมวัยในโรงเรียนขนาดเล็กและโรงเรียนที่มีข้อจำกัดด้านทรัพยากร โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทและทุรกันดาร ซึ่งการเข้าถึงกระบวนการเรียนรู้ที่เหมาะสมยังคงเป็นความเหลื่อมล้ำที่ถูกมองข้าม





      the SPACE ได้พูดคุยกับ ดร.มาฆะรัตน์ อัมพรเกียรติพล หัวหน้าโครงการฯ ผู้อยู่เบื้องหลังการออกแบบกระบวนการเชื่อมโยงองค์ความรู้จากงานวิจัยสู่ครูในพื้นที่เป้าหมายของ กสศ. เพื่อปลดล็อกการเรียนรู้ผ่านการเล่น และพาแนวคิดเรื่อง “ความเสมอภาค” ไปเริ่มต้นตั้งแต่ชั้นอนุบาล



จุดเริ่มต้น: การเล่นที่เยียวยา Learning Loss และตอบโจทย์เศรษฐกิจฐานราก

      ดร.มาฆะรัตน์ เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการประยุกต์แนวคิด Loose Parts Play ในบริบทของ กสศ. โดยแนวคิดนี้ริเริ่มจากงานวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยสวนดุสิต ภายใต้การดูแลของ ผศ.ดร.พรชุลี ลังกา ในช่วงที่เกิดภาวะ “Learning Loss” จากสถานการณ์โควิด-19 โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการ “ดึงเด็กออกจากหน้าจอ” ผ่านกิจกรรมการเล่นที่หลากหลาย

      “Loose Parts Play คือ การเล่นแบบอิสระ ที่เปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้และพัฒนาอย่างรอบด้าน แนวคิดนี้เริ่มต้นขึ้นเพื่อแก้ปัญหา Learning Loss ในช่วงโควิด-19 และที่สำคัญคือการ "ดึงเด็กออกจากหน้าจอ" เพื่อให้พวกเขากลับมาเรียนรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติจริง การเล่นในรูปแบบนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเด็กปฐมวัย เพราะเป็นรากฐานสำคัญที่จะหล่อหลอมพัฒนาการในทุกมิติ โดยเฉพาะการค้นพบ พัฒนา และเติบโต ตอบโจทย์ ความเสมอภาค ด้วยวัสดุใกล้ตัว” ดร.มาฆะรัตน์ อธิบาย

      ด้วยเหตุนี้เอง แนวคิดนี้จึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับครูในโรงเรียนที่มีข้อจำกัดด้านงบประมาณ โดยสามารถนำไปใช้ได้โดยไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม





บทบาท “บูรณาการ”: เชื่อม Content สู่ Platform ของเครือข่ายโรงเรียน

      กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ได้ริเริ่มโครงการสำคัญเพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยในโรงเรียนที่ขาดแคลนทรัพยากร ผ่านแนวคิด "Loose Parts Play"

      ดร.มาฆะรัตน์ อัมพรเกียรติพล ในฐานะหัวหน้าโครงการบูรณาการฯ เห็นโอกาสสำคัญในการเชื่อมโยง “Content” จากงานวิจัย Loose Parts Play เข้ากับ “Platform” ของ กสศ. ได้แก่ โครงการ TSQM-N (Teacher School Quality Movement Network) ซึ่งเป็นเครือข่ายโรงเรียนที่พัฒนาคุณภาพตนเอง ครอบคลุม 445 โรงเรียนใน 38 จังหวัดทั่วประเทศ จึงได้นำองค์ความรู้ดังกล่าวจากงานวิจัยมาเชื่อมโยงสู่พื้นที่เป้าหมาย เพื่อให้การเรียนรู้ที่มีคุณภาพเข้าถึงเด็กทุกคน โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทและพื้นที่ทุรกันดาร

      ดร.มาฆะรัตน์ กล่าวว่า แนวคิดนี้เหมาะสมกับโรงเรียนในชนบทอย่างยิ่ง

      “เรารู้สึกว่าเครื่องมือนี้เหมาะกับบริบทโรงเรียนที่เราดูแลอยู่ แนวคิดนี้ควรถูกเผยแพร่กับโรงเรียนตามชนบท เพราะวัสดุธรรมชาติหาได้ไม่ยาก”

      Loose Parts Play จึงไม่ควรถูกจำกัดอยู่เฉพาะในพื้นที่ทดลอง (กรุงเทพมหานคร) หรืองานวิจัยในเขตเมือง เพราะครูต่างจังหวัดสามารถเข้าถึงวัสดุจากธรรมชาติได้ง่ายกว่า และตอบโจทย์บริบทของโรงเรียนที่ไม่มีงบประมาณเพียงพอในการจัดหาสื่อการเรียนรู้ หัวใจของงานบูรณาการในครั้งนี้จึงต้องการ ลดความเหลื่อมล้ำ โดยการเปลี่ยนข้อจำกัดด้านงบประมาณให้เป็นโอกาส เนื่องจาก



โรงเรียนกลุ่มเป้าหมาย: เปิดโอกาสให้กับครูที่ขาดโอกาส

      สำหรับการอบรมในครั้งนี้ กลุ่มเป้าหมายหลักคือโรงเรียนในเครือข่าย TSQMN และโรงเรียนในโครงการ กพด. (โครงการตามพระราชดำริของกรมสมเด็จพระเทพฯ) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงเรียนที่ขาดแคลนในพื้นที่ทุรกันดาร โดยเน้นไปยังโรงเรียนที่มีเด็กปฐมวัยจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีพื้นที่กรณีพิเศษใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากยังมีอัตราการเกิดสูง เป็นพื้นที่ที่มีจำนวนเด็กในช่วงปฐมวัยจำนวนมากกว่าภาคอื่นๆ จึงเป็นพื้นที่สำคัญที่ควรได้รับการสนับสนุนด้านพัฒนาการเด็กปฐมวัยอย่างเร่งด่วน

      “เราได้ไปถอดบทเรียนและสัมภาษณ์คุณครูหลายท่าน พบว่าครูไม่ค่อยได้รับการอบรม และขาดโอกาสตรงนี้ จึงเห็นว่านี่คือจุดเริ่มต้นที่เราอยากให้ครูได้มาเรียนรู้การใช้สื่อ Loose Parts Play เพื่อนำไปใช้กับนักเรียน”




การขยายผลที่ยั่งยืนผ่านครูแกนนำในพื้นที่

      ดร.มาฆะรัตน์ เปิดเผยว่า โครงการได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีคุณครูจำนวนมากแสดงความสนใจเข้าร่วม จึงมีแผนจะขยายผลต่อเนื่อง โดยใช้แนวทางที่ยั่งยืน

      “เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนและกระจายองค์ความรู้ได้อย่างกว้างขวาง เรามีแนวคิดที่จะสร้างครูแกนนำในพื้นที่ เนื่องจากคุณครูในโรงเรียนเป้าหมายหลายท่านยังขาดโอกาสในการได้รับการอบรม การสร้างครูแกนนำจากเครือข่ายโรงเรียนเอง จะเป็นกลไกสำคัญในการขยายผลอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถช่วยขยายองค์ความรู้ต่อไปในพื้นที่ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาอบรมเท่านั้น แต่ยังทำให้แนวคิดนี้ฝังรากลึกในชุมชนการศึกษา การลงทุนเพื่อให้เด็กทุกคนได้เริ่มต้นชีวิตด้วยการเรียนรู้ที่เหมาะสม จึงเป็นการ ลงทุนเพื่ออนาคตของสังคมที่เริ่มต้นได้จาก "ชิ้นส่วนเล็ก ๆ ที่หยิบได้รอบตัว”

      การสร้างครูแกนนำจึงเป็นแนวทางสำคัญในการกระจายองค์ความรู้สู่โรงเรียนในภูมิภาค และเป็นกลไกในการดำเนินงานต่อเนื่องโดยไม่ต้องพึ่งงบประมาณสูง





ความเสมอภาคที่เริ่มต้นได้จาก “การเล่น” — เมื่อการเรียนรู้คือการลงทุนเพื่ออนาคต

      ในมุมมองของ the SPACE เราเชื่อว่าการเรียนรู้ไม่เคยเป็นเพียงเรื่องของห้องเรียนหรือหลักสูตรเท่านั้น แต่คือเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการเปลี่ยนแปลงชีวิตและสังคมได้อย่างแท้จริง และสำหรับเด็กปฐมวัย การเรียนรู้ผ่าน “การเล่น” คือรากฐานสำคัญที่จะหล่อหลอมพัฒนาการในทุกมิติ

      แม้ Loose Parts Play จะเริ่มต้นจากงานวิจัยเพื่อแก้ปัญหา “เด็กติดหน้าจอ” แต่เมื่อแนวคิดนี้ถูกนำมาเชื่อมกับโรงเรียนในชนบทหรือพื้นที่ที่มีข้อจำกัดด้านงบประมาณ ก็กลายเป็นการบูรณาการที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่ง — เพราะไม่ใช่ทุกโรงเรียนจะมีเงินทุนสำหรับจัดซื้อสื่อราคาแพง แต่ทุกชุมชนล้วนมีทรัพยากรจากธรรมชาติที่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นสื่อการเรียนรู้ได้อย่างสร้างสรรค์

      แนวคิด “การเล่น” จึงไม่ใช่เพียงกิจกรรมเพื่อความสนุก แต่คือพื้นที่ของการค้นพบ พัฒนา และเติบโต ที่สำคัญยิ่งต่อเด็กปฐมวัย และเมื่อการเล่นเช่นนี้เกิดขึ้นอย่างมีคุณภาพในโรงเรียนที่ขาดโอกาส — นั่นคือจุดเริ่มต้นของ “ความเสมอภาคทางการศึกษา” ที่จับต้องได้

      การลงทุนเพื่อให้เด็กทุกคนได้เริ่มต้นชีวิตด้วยการเรียนรู้ที่เหมาะสมจึงไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย แต่คือการลงทุนเพื่ออนาคตของสังคมที่เราทุกคนมีส่วนร่วมสร้างได้ ตั้งแต่ “ชิ้นส่วนเล็ก ๆ ที่หยิบได้รอบตัว”







อรรถพล คู่กระสังข์

เชื่อในพลังของการเรียนรู้ที่ไม่รู้จบ สนใจสำรวจเรื่องราวที่เชื่อมโยงผู้คน วิถีชีวิต สังคม และวัฒนธรรม โดยเฉพาะรากเหง้าอีสาน ชื่นชอบการเดินทางเพื่อเปิดโลกใหม่ ๆ และชอบคลายเครียดด้วยทำอาหาร