Inspire Class

ห้องเรียนบันดาลใจ

โรงเรียนมีชัยพัฒนา: เมื่อการศึกษาทางเลือกพัฒนาชุมชนให้เติบโตและยั่งยืน


การศึกษาเพื่อการพัฒนาชุมชน: แนวคิดและบทบาทของโรงเรียน

      ถ้าพูดถึง การพัฒนาชุมชน หลายคนอาจนึกถึงโครงการของภาครัฐหรือองค์กรไม่แสวงหากำไร แต่ความจริงแล้ว โรงเรียน ก็เป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาชุมชนได้เช่นกัน โดยเฉพาะโรงเรียนที่มีแนวคิดแบบ การศึกษาทางเลือก (Alternative Education) ที่ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการเรียนในห้องเรียน แต่ผสมผสานการเรียนรู้กับชีวิตจริงของผู้เรียนและชุมชนรอบตัว

      แนวคิดพื้นฐานของการพัฒนาชุมชนเกี่ยวข้องกับ การให้การศึกษา เพื่อให้ประชาชนมีความสามารถในการพึ่งพาตนเอง (Self-Reliance) และช่วยเหลือตัวเอง (Self-Help) ผ่านกระบวนการกลุ่ม (Group Process) และการกระตุ้นจิตสำนึก (Consciousness Process) โดยมุ่งเน้นให้คนในชุมชนมีความรู้ มีทักษะในการแก้ปัญหา และสามารถพัฒนาชีวิตของตัวเองได้อย่างยั่งยืน (โกวิทย์ พวงงาม, 2562)



โรงเรียนมีชัยพัฒนา: เรียนรู้ผ่านการลงมือทำ

      โรงเรียนมีชัยพัฒนา เป็นตัวอย่างของโรงเรียนทางเลือกที่นำการศึกษามาใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาทั้งผู้เรียนและชุมชน โดยมีแนวทาง การเรียนรู้ผ่านโครงงาน (Project-Based Learning: PBL) ซึ่งช่วยให้นักเรียนได้ฝึกคิด วิเคราะห์ และลงมือทำจริง

      แนวคิดของโรงเรียนมีชัยพัฒนาสอดคล้องกับปรัชญาของ จอห์น ดิวอี้ (John Dewey) นักการศึกษาชื่อดังที่เชื่อว่าการเรียนรู้ต้องเกิดจากประสบการณ์จริง โดยแบ่งออกเป็น ประสบการณ์ปฐมภูมิ (Primary Experience) ซึ่งเป็นสิ่งที่เราได้สัมผัสโดยตรง และ ประสบการณ์ทุติยภูมิ (Secondary Experience) ซึ่งเกิดจากการไตร่ตรองและวิเคราะห์ประสบการณ์เดิม (Dewey, 1938) การที่โรงเรียนมีชัยพัฒนาเน้นการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ จึงช่วยให้นักเรียนได้รับประสบการณ์ที่มีความหมายและสามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน

จุดเริ่มต้นของโรงเรียนที่มองการศึกษาเป็นเครื่องมือเปลี่ยนแปลงสังคม

      โรงเรียนมีชัยพัฒนา ก่อตั้งขึ้นในปี 2552 ที่จังหวัดบุรีรัมย์ โดย คุณมีชัย วีระไวทยะ ผู้ก่อตั้งที่มีแนวคิดว่าระบบการศึกษาไทยยังมีช่องโหว่หลายอย่าง เช่น การเน้นการท่องจำเพื่อสอบเข้าแทนที่จะส่งเสริมการเรียนรู้ที่นำไปใช้ได้จริง ดังนั้น โรงเรียนแห่งนี้จึงถูกออกแบบมาให้แตกต่างจากโรงเรียนทั่วไปใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่:

  1. การเรียนรู้เพื่ออาชีพและการเป็นผู้ประกอบการ นักเรียนได้เรียนรู้เกี่ยวกับ ธุรกิจเพื่อสังคม (Social Entrepreneur) เพื่อให้พวกเขาสามารถประกอบอาชีพได้จริงหลังจบการศึกษา (สนธิ เตชานันท์, 2561)
  2. การเรียนรู้ที่เน้นนักเรียนเป็นศูนย์กลาง ใช้แนวคิด Child-Centric & Action Learning ที่เน้นให้เด็กได้คิดเอง ตั้งคำถาม และแก้ปัญหาอย่างมีเหตุผล เพื่อให้พวกเขากลายเป็น Change Maker ในอนาคต
  3. การพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรม โรงเรียนส่งเสริม ความซื่อสัตย์ ความคิดสร้างสรรค์ และการทำความดี เพื่อลดปัญหาคอร์รัปชันและส่งเสริมความเป็นพลเมืองที่ดีในอนาคต


หลักสูตรพิเศษที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริง

      โรงเรียนมีชัยพัฒนาใช้แนวทางการสอนแบบ Hybrids ที่ผสมผสานหลักสูตรของรัฐเข้ากับหลักสูตรเฉพาะที่ช่วยเสริม ทักษะชีวิตและอาชีพ (Life Skills) โดยมี 3 วิชาหลัก ได้แก่:



โครงการที่สร้างผลกระทบจริงให้กับชุมชน

      หนึ่งในโครงการที่น่าสนใจของโรงเรียนคือ “การสร้างความมั่นคงด้านอาหารและรายได้สำหรับผู้สูงอายุโดยร่วมกับนักเรียนและเยาวชน” ซึ่งเปิดโอกาสให้นักเรียนทำงานร่วมกับคนในชุมชน ช่วยให้ชาวบ้านมีอาชีพและรายได้เพิ่มขึ้นจากการเข้าร่วมโครงการ ซึ่งถือเป็นโมเดลการพัฒนาชุมชนแบบมีส่วนร่วมที่สามารถสร้างความยั่งยืนได้จริง โรงเรียนเป็นมากกว่าสถานที่เรียนหนังสือ

      โรงเรียนมีชัยพัฒนาเป็นตัวอย่างที่ดีของโรงเรียนทางเลือกที่ใช้การศึกษาเป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนแปลงทั้งตัวนักเรียนและชุมชน การออกแบบหลักสูตรที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริง ทำให้นักเรียนไม่ได้เพียงแต่เรียนรู้เพื่อสอบผ่าน แต่พวกเขายังได้พัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต และสามารถเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้

      กรณีของโรงเรียนมีชัยพัฒนาแสดงให้เห็นว่า โรงเรียนสามารถเป็นฐานที่แข็งแกร่งในการพัฒนาชุมชนได้ หากมีแนวคิดที่ถูกต้องและแนวทางที่เหมาะสม นี่คือแนวทางของการศึกษาเพื่ออนาคต ที่ไม่ได้สอนแค่ให้เด็กเรียนเก่ง แต่สอนให้พวกเขาสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้จริงในโลกที่พวกเขาอาศัยอยู่

อ้างอิง







ธนากรณ์ ทำทอง

ชายผู้บ้าการเรียนและชอบเลี้ยงแมวในจินตนาการที่ชื่อสมหมาย