Work Life Balance :

งานกับชีวิต คิดอย่างสมดุล

องค์กรแห่งความสุข

สุขด้วยการสร้างบรรยากาศ สุขโดยไม่ใช้เงิน


      ในยุคที่ความเครียดจากการทำงานกลายเป็นเรื่องปกติ เรามักได้ยินคำว่า “ภาวะหมดไฟ” (Burnout Syndrome) กันมากขึ้น คนทำงานหลายคนรู้สึกไม่อยากตื่นเช้ามาทำงาน เกลียดวันจันทร์ และต้องทนอยู่กับสภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นพิษ ทั้งที่ความจริงแล้ว เราใช้เวลาในที่ทำงานไม่น้อยกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของวันเลยทีเดียว

      จากสถิติพบว่า มีคนทำงานกว่า 58.66 ล้านคน ที่ต้องเผชิญกับปัญหานี้ การไม่มีความสุขในการทำงานไม่ได้กระทบแค่ตัวพนักงานเอง แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อองค์กร เช่น การขาด ลา มาสาย ประสิทธิภาพลดลง ไปจนถึงการลาออก แนวคิด “องค์กรแห่งความสุข” (Happy Workplace) จึงถูกพูดถึงมากขึ้น โดยเฉพาะในองค์กรยุคใหม่ที่ตระหนักว่า คนทำงานคือทรัพยากรที่มีค่าที่สุด และการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดี จะช่วยให้พนักงานทำงานได้เต็มศักยภาพ




ทำไมองค์กรแห่งความสุขถึงสำคัญ?

      การมีพนักงานที่มีความสุข ไม่ใช่แค่เรื่องของความรู้สึก แต่มีตัวเลขที่พิสูจน์ได้จริง! งานวิจัยเกี่ยวกับ Workplace Happinessพบว่า:

      ถ้าองค์กรต้องการให้พนักงานทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและช่วยกันขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโต สิ่งที่ต้องลงทุนก่อนคือ การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อความสุข ไม่ใช่แค่เพิ่มเงินเดือนหรือให้โบนัสปลายปีเท่านั้น


อุปสรรคขององค์กรที่อยากสร้างความสุข

      แม้หลายองค์กรจะตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างความสุขให้พนักงาน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกองค์กรจะทำได้จริง จากการศึกษาพบว่าองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนมักมีอุปสรรคที่แตกต่างกัน:

      หลายองค์กรยังมีความคิดว่า “กิจกรรมหรือโครงการสร้างความสุขต้องใช้งบประมาณ” ซึ่งไม่เป็นความจริงเสมอไป เพราะแท้จริงแล้ว หัวใจสำคัญขององค์กรแห่งความสุขอยู่ที่ “คน” ไม่ใช่ “เงิน”




วิธีสร้างองค์กรแห่งความสุขโดยไม่ต้องใช้งบประมาณ

      องค์กรสามารถสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี โดยอาศัยความร่วมมือของทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร ทีม HR หรือแม้แต่พนักงานเอง ซึ่งสามารถทำได้ผ่านแนวทางต่อไปนี้:

  1. ปรับพื้นที่ทำงานให้น่าอยู่ จัดพื้นที่ให้มีมุมพักผ่อน มีสีเขียว หรือโซนที่พนักงานสามารถใช้ร่วมกันได้
  2. รับฟังและตอบสนองต่อพนักงาน สำรวจความพึงพอใจของพนักงานเป็นระยะ และเปิดโอกาสให้พนักงานเสนอแนวทางพัฒนาองค์กรแห่งความสุขร่วมกัน
  3. สร้างวัฒนธรรมการสื่อสารที่เปิดกว้าง ให้พนักงานรู้สึกปลอดภัยในการแสดงความคิดเห็น และส่งเสริมการสื่อสารที่ดีทั้งระหว่างเพื่อนร่วมงานและกับผู้บริหาร
  4. ส่งเสริมกิจกรรมร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมสันทนาการ ออกกำลังกาย หรือการรับประทานอาหารร่วมกัน สิ่งเหล่านี้ช่วยให้พนักงานรู้สึกเป็นทีมมากขึ้น
  5. สนับสนุนการพัฒนาตัวเอง องค์กรควรมีการฝึกอบรม หรือสนับสนุนให้พนักงานเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ เพื่อให้พวกเขารู้สึกว่าตัวเองเติบโตไปพร้อมกับองค์กร
  6. ให้รางวัลและการยอมรับ การชื่นชม การให้รางวัล หรือแม้แต่คำขอบคุณเล็ก ๆ น้อย ๆ มีผลต่อกำลังใจในการทำงานของพนักงานมากกว่าที่คิด



สร้างองค์กรแห่งความสุขได้ ด้วยใจของทุกคน

      การสร้างองค์กรแห่งความสุขไม่ใช่แค่หน้าที่ของฝ่าย HR หรือผู้บริหารเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของ “ทุกคนในองค์กร” ที่ต้องร่วมมือกันสร้างบรรยากาศที่ดี ไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณมหาศาล แต่ต้องใช้ “ใจ” ในการทำให้พนักงานรู้สึกว่าพวกเขามีคุณค่า รู้สึกปลอดภัย และสนุกกับการทำงาน

      แม้ว่าการสร้างองค์กรแห่งความสุขจะต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างต่อเนื่อง แต่ถ้าทำสำเร็จ ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือพนักงานที่มีความสุขและพร้อมจะทำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แต่ยังช่วยลดอัตราการลาออก ทำให้องค์กรประหยัดค่าใช้จ่ายในการสรรหาพนักงานใหม่ และที่สำคัญคือ องค์กรจะเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน


เพราะ “เมื่อคนสำราญ งานก็สำเร็จ”


อ้างอิง







ทิพวัลย์ รามรง

นักวิจัยประจำสาขาพัฒนาสังคม คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์