ทุกมุมเมือง มีเรื่องเล่า
เรื่องแรกที่อยากเล่าคือ ความประทับใจในการเดินทางในเซี่ยงไฮ้คือ ระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ ที่ทันสมัย ครอบคลุม และมีประสิทธิภาพอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าใต้ดินที่มีเส้นทางมากกว่า 20 สาย เชื่อมต่อทุกจุดในเมืองอย่างราบรื่น หรือรถบัสสาธารณะที่เข้าถึงทุกตรอกซอกซอย ทุกคนสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบายด้วยค่าใช้จ่ายที่ไม่สูง
เซี่ยงไฮ้มีสนามบินให้บริการ 2 แห่ง ได้แก่สนามบินนานาชาติเซี่ยงไฮ้ผู้ตง (Shanghai Pudong International Airport) และสนามบินนานาชาติเซี่ยงไฮ้หงเฉียว (Shanghai Hongqiao International Airport) ในการเดินทางครั้งนี้เราใช้บริการสายการบิน China Eastern Airlines ซึ่งบินมาลงที่ สนามบินนานาชาติเซี่ยงไฮ้ผู้ตง ซึ่งเป็นสนามบินหลัก อยู่ห่างจากตัวเมือง 30 กิโลเมตร
เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อันดับแรกคือการเดินทางเข้าตัวเมือง ไม่ต้องกังวลว่าจะหลงทางหรือหาอะไรไม่เจอ เพราะป้ายสัญลักษร์ต่างๆ ที่สนามบิน ทำไว้อย่างชัดเจนและมีจำนวนมากอยู่เป็นระยะๆ จากการหาข้อมูลก่อนการเดินทางจะพบว่ามีวิธีเดินทางเข้ามเมืองที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของผู้ใช้บริการในการเลือกใช้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสะดวกสบาย ระยะเวลา ความรวดเร็ว หรือราคา อาทิ รถบัสโดยสารประจำทาง รถแท๊กซี่ รถไฟฟ้าใต้ดิน และ รถไฟความเร็วสูง maglev ที่จะใช้เวลาเพียง 8 นาที ในราคา 50 หยวน (ประมาณ 250 บาท) ก็จะถึงตัวเมือง แต่สำหรับพวกเรา ที่ไม่ได้รีบร้อนและอยากชมเมืองไปเรื่อยๆ จึงเลือกใช้การเดินทางด้วยรถไฟใต้ดิน (Metro) จากสนามบิน มายังที่พักแถวหนานจิงลู่ ซึ่งอยู่ใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้ โดยเลือกลงที่สถานี People’s Square ระยะทางกว่า 38.8 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชั่วโมงกับ 2 นาที (18 สถานี ตรงยาวโดยไม่มีการเปลี่ยนสถานี) ที่เขียนเล่าละเอียดขนาดนี้แค่อยากจะบอกว่า ค่าเดินทางเพียงแค่ 7 หยวนเท่านั้น (ประมาณ 35 บาท) นี่จึงเป็นความประทับใจอย่างแรกเมื่อเดินทางมาถึง
ความล้ำสมัยไม่ได้หยุดแค่นั้น รถไฟความเร็วสูง (High-Speed Rail) ยังเชื่อมโยงเซี่ยงไฮ้กับเมืองสำคัญต่าง ๆ ทำให้การเดินทางไกลกลายเป็นเรื่องที่ทั้งรวดเร็วและตรงเวลา ในเมืองที่พลุกพล่านเช่นนี้ การมีระบบขนส่งที่ดีไม่เพียงแค่ลดความแออัด แต่ยังสะท้อนถึง “การพัฒนาเมืองเพื่อคนเมือง” อย่างแท้จริง
ในการเดินทางไปเซี่ยงไฮ้ครั้งนี้ เรามีโอกาสได้สำรวจเมืองใกล้เคียงอีกสองแห่ง คือ หางโจว (Hangzhou) และ ซูโจว (Suzhou) การเดินทางด้วย รถไฟความเร็วสูง (High-Speed Rail) จึงกลายเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับการจัดทริปแบบ one-day trip ด้วยระบบขนส่งทางรางที่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ผสานเทคโนโลยีที่ทันสมัย ความสะอาด และราคาที่เข้าถึงได้ ทำให้การเดินทางด้วยรถไฟในจีนสะดวกและราบรื่นกว่าที่เราคาดคิด การมีระบบขนส่งทางรางที่คลอบคลุมทุกพื้นที่ และราคาที่ตอบโจทย์กับค่าครองชีพของคนภายในประเทศ ผนวกกับจำนวนประชากรของจีนที่เราทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วนั้น ทำให้สิ่งแรกที่สะดุดตาเมื่อเรามาถึงสถานีรถไฟความเร็วสูง คือ จำนวนผู้ใช้บริการที่มีจำนวนมาก ซึ่งแทบจะไม่เห็นพื้นที่ว่างของตัวสถานี แต่ด้วยภาพลักษณ์ของสถานีที่แตกต่างจากความคุ้นเคยในบ้านเราโดยสิ้นเชิง ทั้งขนาดของสถานี ความเป็นระเบียบเรียบร้อย การจัดการจำนวนผู้คนที่หลั่งไหลเข้ามาใช้บริการ ตลอดจนกระบวนการต่าง ๆ เช่น การเช็กอิน ตรวจกระเป๋า และการขึ้นรถไฟ เป็นระบบที่ทันสมัยและคล่องตัว ทุกอย่างดำเนินไปด้วยความเป็นระเบียบและรวดเร็ว
ระหว่างที่เรากำลังยืนอึ้ง และมึนงงกับตัวสถานีรถไฟที่เราพบเจอนั้น ก็ต้องรีบจัดการพาตัวเองไปขึ้นรถไฟให้ได้ การใช้บริการรถไฟความเร็วสูงที่เซี่ยงไฮ้นั้น สามารถมาซื้อตั๋วได้ที่สถานี หรือถ้าต้องการความชัวร์ว่ามีที่นั่งแน่ๆ สามารถ Booking มาล่วงหน้าได้ ผ่านผู้ให้บริการต่างๆ (เราเลือกซื้อผ่าน trip.com “ถ้าโฆษณาเข้าจะรีวิวแบบอวยยศยาวๆ ให้ ว่าซื้อผ่านที่นี่ดีอย่างไร”) และการซื้อตั๋วการเดินทางนั้น ไม่ว่าจะผ่านช่องทางไหน จะต้องระบุชื่อผู้เดินทางให้ตรงกับเลขบัตรประชาชนของตนเองด้วย ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวอย่างพวกเรา ก็ต้องระบุหมายเลขพาสปอตให้ตรงกันกับข้อมูลชืิ่อของเรา เพราะทุกอย่างหลังจากนี้ จะถูกระบุเข้าไปในระบบและตรวจสอบสอบผ่านระบบอันชาญฉลาดนับตั้งแต่บัดนี้ โดยที่เราไม่จำเป็นต้องปริ้นตั๋วออกมาหรือกังวลว่าจะทำตั๋วโดยสารหาย เพราะไม่ต้องใช้ตั๋วแล้ว
เมื่อเดินทางมาถึงสถานีรถไฟความเร็วสูง ขั้นตอนแรกที่ต้องเผชิญคือการตรวจสอบตัวตนและข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งสถานีมีช่องให้บริการอยู่หลายช่อง โดยส่วนใหญ่เป็นเครื่องอัตโนมัติที่ออกแบบมาให้คนจีนสามารถใช้บัตรประชาชนสแกนเข้าไปได้ทันที แต่สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเรา ไม่สามารถใช้ช่องทางนี้ได้ (ยอมรับเลยว่าเสียเวลาไปไม่น้อย เพราะเผลอเข้าคิวผิดช่องอยู่นานจนเกือบพลาดขบวนรถไฟ) สิ่งที่ต้องทำคือมองหาช่องที่มี “เจ้าหน้าที่” ยืนให้บริการอยู่ เพราะเครื่องในช่องเหล่านี้จะรองรับการตรวจสอบพาสปอร์ต โดยเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคลให้เราอย่างละเอียดในขั้นตอนนี้ การแยกช่องทางให้บริการเช่นนี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดความผิดพลาดในการใช้งาน แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นสิ่งที่ผู้ใช้บริการต่างชาติอย่างเราควรทำความเข้าใจล่วงหน้า เพื่อไม่ให้เสียเวลาและป้องกันการพลาดขบวนรถไฟที่กำลังรอเราอยู่!
หลังจากขั้นตอนการตรวจสอบตัวตนเสร็จสิ้น ขั้นตอนต่อไปคือการตรวจสอบสัมภาระผ่านเครื่อง X-ray อัตโนมัติ ซึ่งเป็นมาตรฐานสำคัญของสถานีรถไฟในเซี่ยงไฮ้ ไม่ว่าจะเดินทางด้วยรถไฟประเภทใด ทุกครั้งที่เข้าสถานี ผู้โดยสารทุกคนจำเป็นต้องผ่านการตรวจสัมภาระอย่างเคร่งครัด ขั้นตอนนี้เป็นไปอย่างมีระบบและรวดเร็ว โดยเครื่อง X-ray จะตรวจสอบกระเป๋าและสัมภาระของผู้โดยสารทุกชิ้น เพื่อความปลอดภัยสูงสุดในการเดินทาง นี่คือมาตรฐานที่สะท้อนถึงความใส่ใจในความปลอดภัยและการจัดการที่มีประสิทธิภาพของระบบขนส่งมวลชนในจีน
เมื่อผ่านด่าน ตรงนี้มาได้ ให้ดูตั๋วที่เราซื้อมาได้เลยว่า เราต้องไปรอขึ้นรถไฟที่ Gate ไหน (อารมณ์เดียวกับเวลาที่เราจะขึ้นเครื่องบินเลย) พอไปถึงหน้า Gate แล้ว ก็ให้เช็คข้อมูลบนหน้า Gate ด้วยว่า ตรงกันกับข้อมูลในตั๋วที่เราซื้อมาไหม เช่น จุดหมายปลายทางที่จะไป, เลขขบวนรถ, และ เวลาที่รถไฟออก เมื่อใกล้ถึงเวลาที่รถไฟจะออกที่ตั๋วเราระบุแล้ว ประตู Gate ถึงจะเปิดให้เราไปลงไปยังชานชาลา ซึ่งพอถึงเวลาที่ประตูเปิด เราก็ใช้แค่พาสปอตของเราสแกนที่เครื่อง ประตูก็จะเปิดออกให้เข้าไปทีละคน (ข้อมูลผู้ใช้บริการถูกผูกไว้กับข้อมูลพาสปอต ตั้งแต่ตอนซื้อตั๋วแล้ว)
จากนั้น ลงมาที่ชานชาลาเพื่อรอรถไฟที่กำลังจะเข้า ซึ่งจะมาแบบตรงเวลามาก โปรดสังเกตความถูกต้องของชานชาลาที่ตัวเองยืนอยู่อีกครั้ง เมื่อรถไฟมาแล้ว ก็ลองมองดูเลขขบวนที่แสดงบนตัวรถไฟ ว่าตรงกับเราไหม ถ้ามั่นใจว่าใช่ ก็ขึ้นไปยังรถไฟ เพื่อมองหาที่นั่งของตนเอง ซึ่งที่นั่งจะถูกระบุ “ตู้” และ “หมายเลขที่นั่ง” กำกับไว้ ตั้งแต่ตอนที่เราซื้อตั๋วแล้ว
การเดินทางอีกหนึ่งประเภท ที่เป็นหัวใจหลักในการใช้ท่องเที่ยวเซี่ยงไฮ้ ครั้งนี้ คงหนีไม่พ้นรถไฟใต้ดินในเมือง หรือที่เรียกว่า “Metro” ซึ่งเป็นระบบขนส่งมวลชนที่ทันสมัยและครอบคลุมทั่วเมือง ปัจจุบัน Shanghai Metro มีเครือข่ายที่ยาวถึง 831 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่สำคัญด้วย 20 สาย ช่วยเชื่อมต่อทุกจุดในเมืองใหญ่อย่างไร้รอยต่อ ค่าโดยสารเริ่มต้นเพียง 3 หยวนสำหรับระยะทางไม่เกิน 6 กิโลเมตร และเพิ่มขึ้นตามระยะทางอย่างย่อมเยา ความสะดวกสบายอีกอย่างคือกรองรับการชำระเงินผ่าน Alipay และ WeChat Pay หรือจะเชื่อมต่อกับบัตรเครดิต MasterCard ก็ทำได้อย่างง่ายดาย (เดี๋ยวจะขอพูดถึงเรื่อง Cashless ในหัวข้อถัดไป) สำหรับผู้ที่ไม่มีแอปพลิเคชัน ตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติในสถานียังรองรับการชำระเงินผ่านบัตรสากล เช่น Visa และ UnionPay ระบบนี้ทำให้การเดินทางสะดวกขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
รถไฟใต้ดินเซี่ยงไฮ้เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 5:00 น. ถึงเที่ยงคืน พร้อมความถี่ของขบวนรถที่ช่วยให้การเดินทางเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วน พร้อมกับค่าโดยสารที่แสนจะเอื้อมถึง ทำให้ประชากรในเมืองรวมถึงนักท่องเที่ยวอย่างเราเข้าถึงระบบบริการที่เรียกได้ว่า “เป็นระบบขนส่งมวลชนสาธารณะเต็มรูปแบบ” ทำให้การเข้าถึงสถานที่สำคัญอย่าง The Bund, ถนนหนานจิงลู่, หรือ ย่านซินเทียนตี้ สุดชิค หรือแม้แต่กระทั่งวัดวาอารามต่าง ๆ เป็นเรื่องง่ายดาย Shanghai Metro จึงไม่ได้เป็นเพียงระบบขนส่ง แต่คือหัวใจของการสำรวจเมืองที่ทำให้ทุกการเดินทางเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ
“ระบบการเดินทางด้วยรถไฟที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ไม่ได้มีเพียงแค่สะดวกสบายและทันสมัย แต่ยังแสดงถึงการผสานเทคโนโลยีเข้ากับระบบบริการอย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่การซื้อตั๋วที่เชื่อมโยงข้อมูลส่วนบุคคลกับระบบอัตโนมัติ การตรวจสอบตัวตนผ่านเครื่องมือที่แม่นยำ การรักษาความปลอดภัยด้วยการตรวจสัมภาระในทุกขั้นตอน ไปจนถึงการจัดการเวลาและการบริการที่ตรงต่อเวลา สิ่งเหล่านี้ทำให้การเดินทางด้วยรถไฟในจีนไม่เพียงตอบโจทย์การขนส่งของคนในประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก แต่ยังสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวอย่างเรา ทุกขั้นตอนตั้งแต่การเข้าสถานีจนถึงการหาที่นั่ง ล้วนสะท้อนถึงความใส่ใจในรายละเอียดที่ออกแบบมาเพื่อลดความผิดพลาดและเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้บริการ การใช้เทคโนโลยีที่ผสานเข้ากับข้อมูลส่วนบุคคล ไม่เพียงช่วยลดความยุ่งยากของการพกตั๋วหรือการเช็กอินแบบเดิมๆ แต่ยังทำให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ นี่คือมาตรฐานการเดินทางในอนาคต ที่แสดงให้เห็นว่าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาดสามารถยกระดับประสบการณ์การเดินทางได้อย่างไร และทำให้รถไฟความเร็วสูงของจีนกลายเป็นต้นแบบที่ควรค่าแก่การเรียนรู้และนำไปปรับใช้ในประเทศอื่น ๆ อย่างแท้จริง”
การเดินทางด้วยยานพาหนะส่วนบุคคลในเซี่ยงไฮ้ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของเมืองนี้ และเป็นเรื่องที่เราอดไม่ได้ที่จะเล่าให้ทุกคนฟัง เมื่อเราขึ้นมาบนถนนในเซี่ยงไฮ้ สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือ “ความเงียบสงบ” แตกต่างจากบรรยากาศของถนนในเมืองไทยอย่างชัดเจน ไม่มีเสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่ม หรือไอร้อนจากท่อไอเสียที่แผ่กระจายเต็มท้องถนน บรรยากาศที่ต่างออกไปนี้ทำให้เราอดไม่ได้ที่จะสังเกตว่าความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากอะไร
คำตอบนั้นชัดเจนและน่าทึ่ง เซี่ยงไฮ้ รวมถึงเมืองใหญ่หลายแห่งในจีน กำลังก้าวเข้าสู่ ยุคของยานยนต์พลังงานสะอาด อย่างเต็มตัว รถยนต์ที่วิ่งอยู่บนถนนส่วนใหญ่เป็น รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ไม่ว่าจะเป็นรถส่วนตัว รถแท็กซี่ หรือรถบริการผ่านแอปพลิเคชัน ล้วนขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าแทบทั้งสิ้น หากจะกล่าวว่าเซี่ยงไฮ้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าเกือบ 100% ก็คงไม่เกินความจริง นี่คือผลลัพธ์จากนโยบายที่มุ่งมั่นของรัฐบาลจีนที่ต้องการลดมลพิษและผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่อง
นอกจากรถยนต์ไฟฟ้า รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปบนถนนในเซี่ยงไฮ้ รถเหล่านี้ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ขนาดเล็ก ใช้งานง่าย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ความพิเศษคือผู้ใช้งานสามารถนำรถไปยัง สถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่ ที่มีอยู่ทั่วเมือง (คล้ายกับปั๊มน้ำมัน) เพียงไม่กี่นาทีแบตเตอรี่เก่าจะถูกเปลี่ยนเป็นแบตใหม่ที่ชาร์จไฟเต็มพร้อมใช้งาน ระบบนี้ช่วยลดระยะเวลาการรอชาร์จและทำให้การเดินทางสะดวกสบายยิ่งขึ้น
อีกหนึ่งสิ่งที่สะดุดตาและกระจายอยู่ทั่วเมืองคือ บริการให้เช่ารถจักรยาน ซึ่งออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายของประชาชนและนักท่องเที่ยว เพียงแค่สแกน QR Code ผ่านแอปพลิเคชัน คุณก็สามารถปลดล็อกจักรยานและปั่นไปยังจุดหมายใดก็ได้ เมื่อถึงปลายทาง ก็เพียงจอดจักรยานไว้ในจุดจอดที่กระจายอยู่ทั่วเมือง บริการนี้สะท้อนถึงการออกแบบเมืองที่คำนึงถึง ความปลอดภัยและความเป็นมิตรต่อผู้ใช้จักรยาน ถนนในเซี่ยงไฮ้มีเลนสำหรับจักรยานที่ออกแบบมาอย่างชัดเจน พร้อมทั้งความสะอาดและการดูแลรักษาถนนที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้ นอกเหนือจากความสะดวกและความปลอดภัย บริการจักรยานเช่ายังสะท้อนถึง การส่งเสริมสุขภาพของประชาชน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายที่เมืองสนับสนุน การปั่นจักรยานไม่ได้เพียงช่วยลดมลพิษทางอากาศ แต่ยังเป็นกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพร่างกายและวิถีชีวิตที่กระฉับกระเฉงของคนเมือง
เซี่ยงไฮ้จึงไม่ได้เป็นแค่เมืองที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย แต่ยังเป็นต้นแบบของเมืองที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของประชาชน บรรยากาศที่เงียบสงบ ไร้ควันพิษ เต็มไปด้วยยานพาหนะพลังงานสะอาดและโครงสร้างพื้นฐานที่ออกแบบมาอย่างมีประสิทธิภาพ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเมืองนี้ในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและสมดุลระหว่างความก้าวหน้ากับการดูแลโลกใบนี้อย่างแท้จริง
เซี่ยงไฮ้คือเมืองตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้อย่างชาญฉลาดในการออกแบบระบบขนส่งมวลชนที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้คนในมิติต่าง ๆ ไม่เพียงแค่ความสะดวกสบาย ระบบขนส่งในเซี่ยงไฮ้ เช่น รถไฟใต้ดิน รถไฟความเร็วสูง และบริการยานยนต์พลังงานสะอาด ยังมีบทบาทสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตในด้านสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และคุณภาพอากาศของเมืองอีกด้วย การเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้าเกือบ 100% รวมถึงรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า และการส่งเสริมการใช้จักรยานผ่านระบบแชร์จักรยานที่เข้าถึงง่าย ช่วยลดมลพิษทางอากาศอย่างเห็นได้ชัด พร้อมทั้งสร้างบรรยากาศที่เงียบสงบและปลอดภัยบนท้องถนน
นอกจากนี้ ระบบขนส่งมวลชนยังสนับสนุนให้ประชาชนมีสุขภาพดีขึ้นโดยตรง เช่น การใช้จักรยานที่ออกแบบมาให้เข้ากับชีวิตประจำวัน ช่วยส่งเสริมการออกกำลังกาย และลดการใช้พลังงานฟอสซิล อีกทั้งระบบขนส่งมวลชนที่มีความสะดวกและแม่นยำยังลดเวลาการเดินทาง ลดความเครียด และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ชีวิตของผู้คน เซี่ยงไฮ้แสดงให้เห็นว่าเมืองใหญ่สามารถเติบโตอย่างยั่งยืน คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และให้ความสำคัญกับสุขภาพของประชาชนได้อย่างไร ผ่านการวางแผนและการใช้เทคโนโลยีที่ชาญฉลาดเพื่อออกแบบการเดินทางที่เป็นมิตรต่อคนและโลกในเวลาเดียวกัน
เซี่ยงไฮ้พิสูจน์ให้เห็นว่าเมืองใหญ่สามารถเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน ผ่านการวางแผนระบบขนส่งมวลชนที่ใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาด ทั้งหมดนี้ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคปัจจุบัน แต่เทคโนโลยีในเซี่ยงไฮ้ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่การเดินทางเท่านั้น—ใน EP. 2 เราจะพาคุณไปสัมผัสกับอีกมิติหนึ่งของชีวิตที่เซี่ยงไฮ้ กับ “Cashless Society” ที่ไร้เงินสดโดยสมบูรณ์ เมืองนี้ใช้เทคโนโลยีอย่างไรให้ผู้คนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างคล่องตัวและสะดวกสบายในทุกมิติ? รอติดตามได้เลย!
เชื่อในพลังของการเรียนรู้ที่ไม่รู้จบ สนใจสำรวจเรื่องราวที่เชื่อมโยงผู้คน วิถีชีวิต สังคม และวัฒนธรรม โดยเฉพาะรากเหง้าอีสาน ชื่นชอบการเดินทางเพื่อเปิดโลกใหม่ ๆ และชอบคลายเครียดด้วยทำอาหาร