มื้อนี้มีเรื่องเล่า
บางครั้ง ความอร่อยที่แท้จริงก็ไม่จำเป็นต้องดัง ไม่ต้องเป็นกระแส ไม่ต้องติดลิสต์ชาวโซเชี่ยล เพียงแค่เดินผ่าน แล้วตัดสินใจแวะด้วยความรู้สึกบางอย่างที่บอกว่า…“ลองดูสักครั้งก็ไม่เสียหาย” นั่นแหละครับ คือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างทีมงาน the SPACE กับร้านก๋วยเตี๋ยวธรรมดาร้านหนึ่ง “ลุงกับป้า ก๋วยเตี๋ยวต้มยำหมูบะช่อ” ณ ปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 49
ร้านเล็ก ๆ ริมถนนในย่านฝั่งธนแห่งนี้ ไม่ได้มีแสงไฟประดับ ไม่ได้มีภาพแนะนำจากอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง หรือบทความในเว็บไซต์อาหารที่แชร์กันเป็นพัน ๆ ครั้งบนเฟซบุ๊กแต่มันกลับมีบางอย่างที่ดึงดูด — ไม่ใช่แค่ชื่อร้านที่ฟังดูเป็นกันเอง หรือควันที่ลอยออกมาจากหม้อก๋วยเตี๋ยว แต่เป็นความรู้สึกว่า “ร้านนี้น่าจะมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่”
เราจึงตัดสินใจแวะ…เพียงเพื่อรีบกินข้าวกลางวันในวันแดดร้อนแรง แต่กลับได้ลิ้มรสก๋วยเตี๋ยวที่ปรุงมาด้วยรสมือจริง ๆ หมูบะช่อที่ล้นชามแบบไม่ต้องอธิบาย และน้ำยำที่พอซดแล้วรู้ทันทีว่า “ไม่ธรรมดา”
เรานั่งกินเงียบ ๆ แล้วมองหน้ากันโดยไม่ต้องพูดอะไรมันคือหนึ่งใน “ชามแห่งความสุขแบบไม่ตั้งใจ” ที่ต้องบันทึกไว้ให้คนอื่นรู้จักบ้าง และพอหันไปมองรอบ ๆ โต๊ะ เราก็เริ่มเข้าใจว่า… คนจรัญฯ แถวนั้นเขาโชคดีแค่ไหน ที่มีร้านก๋วยเตี๋ยวธรรมดาแต่จริงใจแบบนี้ให้กลับมาซ้ำได้ไม่รู้จบในย่านที่เต็มไปด้วยชีวิตจริง เสียงรถเมล์ และกลิ่นหมูสะเต๊ะจาง ๆ ลอยมาจากฝั่งตรงข้าม รีวิวนี้จึงไม่ใช่แค่การรีวิวเมนู แต่คือการชวนคุณกลับมาเชื่อใน “ของดีที่ซ่อนอยู่” บนร้านริมถนนที่ไม่เคยติดแฮชแท็กและความอร่อยที่ไม่ต้องการแสงไฟใด ๆ นอกจากไอน้ำที่ลอยขึ้นจากชาม
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่หลงรักก๋วยเตี๋ยวหมูสับต้มยำ เราขออนุญาตให้ร้านนี้ติดลิสต์ต้น ๆ ของคุณได้เลยไม่ใช่เพราะมันดีที่สุดในโลกแต่เพราะมันซื่อสัตย์ที่สุดในรสชาติ
และบางที…นั่นก็พอแล้ว
ใครที่มักจะนั่งหน้าชามก๋วยเตี๋ยวแล้วเผลอใส่น้ำปลา พริกป่น มะนาว และน้ำตาลทีละนิด ๆ หวังว่าจะปรุงให้อร่อยขึ้น แต่สุดท้ายกลับ “พังทุกชาม” — ร้านนี้คือคำตอบของชีวิตคุณครับ
เพราะที่ “ลุงกับป้า ก๋วยเตี๋ยวต้มยำหมูบะช่อ” คุณไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากกินไม่ต้องหยิบขวด ไม่ต้องชิมก่อน ไม่ต้องลังเลใจว่าจะเติมอะไรดี เพราะลุงกับป้า…เขาปรุงให้เสร็จแล้ว และที่สำคัญปรุง “ได้เรื่อง” มาก รสชาติเข้มข้นที่กลมกล่อมแบบไม่หวานนำ เผ็ดจัด เปรี้ยวพอดี เค็มมีมิติ และถั่วคั่วบดที่กลายเป็นเนื้อเดียวกับน้ำยำ นี่คือรสชาติที่ไม่ได้เกิดจากสูตรสำเร็จ แต่เกิดจากความคุ้นมือ ความเข้าใจรส และประสบการณ์ที่สะสมมาในทุก ๆ ชาม ในวันที่เราเริ่มไม่แน่ใจว่าก๋วยเตี๋ยวแบบบ้าน ๆ ยังพอมีร้านไหนที่ปรุงมา “พอดี” โดยไม่ต้องพึ่งน้ำปลาบนโต๊ะ ลุงกับป้า…คือคำตอบที่ชัดเจนที่สุด
อย่าแปลกใจถ้าโต๊ะข้าง ๆ สั่งเมนูนี้แทบทุกโต๊ะ เพราะมันคือ “พระเอกของร้าน” เส้นบะหมี่ไข่ที่เหนียวนุ่มอย่างพอดี คลุกมากับน้ำยำที่ปรุงมาจากครัว ไม่ใช่จากซอง เครื่องยำไม่ใช่แค่ใส่ให้ครบ แต่ปรุงมาแล้วให้ “รู้สึก” เผ็ดนำ เปรี้ยวชัด หอมถั่วคั่วที่บดละเอียดจนกลายเป็นเนื้อเดียวกับน้ำยำ โรยหน้าด้วยหมูบะช่อที่ล้นจนแทบปิดเส้น เรียกได้ว่า “หมูมากกว่าเส้น” ยังไม่เกินจริง
สิ่งที่ทำให้เราประทับใจคือ “มะนาวสด” ที่วางมาให้บีบเองในจาน กลิ่นเปรี้ยวหอมสด ๆ นั้นเสริมรสต้มยำให้กลายเป็นอีกเลเยอร์หนึ่งของความจัดจ้าน ถ้าคุณชอบก๋วยเตี๋ยวแบบที่กินคำแรกแล้วเงียบไปเพราะอร่อยจนพูดไม่ออก — เมนูนี้แหละที่คุณกำลังหาอยู่
เมนูสำหรับสายไม่เอาเส้น แต่อยาก “ซดให้โล่ง คำให้แน่น” เกาะลอยคือเกาเหลาแบบมินิมอล ไม่มีผัก ไม่มีลูกชิ้น ไม่มีเส้น มีแค่หมูบะช่อเน้น ๆ ฟู ๆ ลอยอยู่ในน้ำต้มยำร้อน ๆ สีสวยกลิ่นหอม ฟังดูเรียบง่าย…แต่แค่ตักคำแรกเข้าปาก ก็รู้เลยว่านี่คือความเรียบง่ายที่ซับซ้อนที่สุด
น้ำซุปต้มยำรสชาติเข้มข้น ซึมเข้าไปถึงเนื้อหมู แต่ไม่จัดจนเกินไป เหลือพื้นที่ให้คุณรับรู้รสเนื้อแบบเต็มปาก หมูบะช่อทำสด ไม่เหนียว ไม่ยุ่ย ละลายในปากแต่ยังเคี้ยวสนุก ถ้าคุณเป็นคนที่เชื่อว่า “ของดีไม่ต้องมีเยอะ” เมนูนี้คือคำตอบ กินตอนเที่ยงอร่อย กินตอนตีหนึ่งหลังเลิกงานยิ่งดี
นี่ไม่ใช่เมนูหลัก แต่ถ้าไม่สั่ง…คือพลาด ไส้อ่อนลวก ของร้านนี้ล้างสะอาดชนิดที่ไม่เหลือกลิ่นแม้แต่น้อย นุ่มแต่ยังมีเด้ง ไม่ยุ่ย ไม่แข็ง ไม่เหนียวให้ต้องเคี้ยวจนลิ้นชา คำแรกที่ได้ลิ้มลองถึงกับต้องหันไปมองเตา “ป้าล้างยังไงเนี่ย…” คือประโยคที่หลุดออกจากปากของทีมงานแบบไม่ตั้งใจ ใครเป็นสายเครื่องใน อย่ามัวลังเล นี่คือ “ของทานเล่นที่ไม่ควรเล่น ๆ”
และสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น…ไม่ใช่แค่คำตอบธรรมดา แต่คือเรื่องราวชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่อยู่หน้าหม้อก๋วยเตี๋ยวทุกวันมานานกว่าสี่ทศวรรษ ไม่ใช่แค่เพราะทำอร่อย แต่เพราะ “การได้ทำงาน” คือความสุขที่เรียบง่ายของเธอ ยิ่งคุยก็ยิ่งรู้สึกว่า…โอ้โหหหห นี่มันไม่ใช่แค่ร้านก๋วยเตี๋ยวแล้ว แต่คือเรื่องราวที่ควรถูกเล่าต่อ เพื่อส่งแรงบันดาลใจให้กับผู้สูงอายุอีกหลายคน รวมถึงทุกคนที่กำลังค้นหาความหมายของคำว่า “ชีวิตที่ดี” และนี่คือสิ่งที่เราขอชวนคุณอ่านต่อจากนี้… บทสนทนาสั้น ๆ แต่เต็มไปด้วยความหมาย จาก “คุณป้าประเมิน ยอดประสาท” หญิงแกร่งวัย 77 ปี ผู้ยังยิ้มอยู่หน้าร้านเหมือนวันแรกที่เริ่มต้น
รูปแบบความสุขของเราแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนต้องการชีวิตหรูหรา บางคนแสวงหาการผจญภัย หรือบางคนนึกฝันถึงชีวิตที่มีหลากสีสันดั่งนิยายแฟนตาซี แต่ก็มีบางคนที่ความสุขช่างเรียบง่ายเพียงแค่ได้เห็นรอยยิ้มในทุกๆ วัน ดังเช่น คุณป้าประเมิน ยอดประสาท เจ้าของร้าน “ก๋วยเตี๋ยวลุงกับป้า” ผู้รื่นรมย์กับการทำงานตลอด 360 วัน ในแต่ละปี
หากใครเป็นคนย่านจรัญสนิทวงศ์คงได้เคยผ่านหู ผ่านตา หรือได้มีโอกาสลิ้มลองก๋วยเตี๋ยวต้มยำหมูบ่ะช่อในตำนานร้านลุงกับป้าที่เปิดมากว่า 40 ปีกันมาบ้าง แต่อาจจะมีน้อยคนนักที่รู้ว่า “ป้า” ที่เรียกกันติดปากสั้นๆ นั้น ปีนี้อายุอานาม 77 ปี แล้ว เพราะเท่าที่ตาเห็นอย่างมากคุณป้าประเมินคงอายุราว ๆ 60 ด้วยทั้งยังแข็งแรง คล่องแคล่ว และมีใบหน้าผ่องใส ยิ้มแย้มต้อนรับลูกค้าอยู่เสมอ
ดั้งเดิมคุณป้าประเมินเป็นคนตำบลสามตุ่ม อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทำนามาตั้งแต่เด็กจนได้แต่งงานกับคุณลุงจรัล ยอดประสาท ในวัย 22 ปี จึงได้โยกย้ายติดตามสามีเข้ามาอยู่ย่านจรัญสนิทวงศ์นี้ เพื่อสร้างเนื้อสร้างตัวอย่างผัวหนุ่มเมียสาว (ทั้งสองอายุเท่ากัน)
“ลุงแกมาทำงานที่กรมพัฒนาที่ดิน แต่งงานแล้วมาอยู่คนเดียวไม่ได้ ก็ต้องมาด้วยกัน” คุณป้าประเมินเล่าแรกเริ่มคุณป้าประเมินมารับจ้างเย็บเสื้อโหลอยู่กับบ้าน จนมีลูกคนโตจึงเริ่มขยับหารายได้เพิ่ม จากทำขนมหวาน เม็ดขนุน ทองหยอด ฝอยทอง ขนมถาดเข็นขาย จนได้เห็นลู่ทางขายก๋วยเตี๋ยวตอนเย็นเพราะแถวจรัญฯ 49 เมื่อ 40 ปีก่อนนั้น คือ แยก 35 โบว์ล ที่คึกคักไปด้วยสถานบริการโบว์ลิ่งและสถานบันเทิงยามค่ำคืน คุณลุงจรัลเป็นผู้คิดค้นสูตรก๋วยเตี๋ยวนี้ด้วยตัวเอง ทดลองทำทดลองชิมจนพอใจ จึงได้ออกขาย แรกเริ่มเป็นรถเข็นจอดขายอยู่หน้าเต็นท์ขายรถมือสองตรงข้ามซอยจรัญฯ 49 (ซึ่งปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นร้านค้าสะดวกซื้อ 24 ชั่วโมงไปแล้ว) ตั้งแต่ 5 โมงเย็นถึงตี 2
“แรก ๆ คนกรุงเทพเขาไม่รู้จักก๋วยเตี๋ยวแบบนี้ เค้าก็เรียกเราก๋วยเตี๋ยวบ้านนอก ก๋วยเตี๋ยวกรุงเทพเป็นก๋วยเตี๋ยวน้ำใสๆ ไม่มีใส่หมูบ่ะช่อละลายๆ แล้วปรุงรสแบบนี้” คุณป้าประเมินเล่าร้านก๋วยเตี๋ยวลุงกับป้าเป็นที่เลื่องลือบอกต่อถึงความอร่อยแปลกใหม่ของชาวกรุง ทั้งคนในย่าน นอกย่านที่เข้ามาเที่ยวหาความสำราญ ก็บอกต่อๆ กันไปปากต่อปาก ขายดีจนคุณลุงต้องลาออกจากงานราชการมาขายก๋วยเตี๋ยวเต็มตัว เพราะคุณป้าประเมินทำคนเดียวไม่ไหว ก๋วยเตี๋ยวทำรายได้เป็นกอบเป็นกำจนซื้อที่ดินในซอยจรัญฯ 49 ปลูกบ้านได้ และส่งเสียลูกทั้ง 2 คน เรียนจบปริญญายาวมาถึงรุ่นหลาน เป็นความภาคภูมิและชื่นใจของทั้งลุงกับป้า
“อะไรจะเป็นความสุขไปกว่าเห็นลูกหลานอยู่สบาย” คุณป้าประเมินกล่าวราคาก๋วยเตี๋ยวต้มยำหมูบ่ะช่อ 1 ชาม เวลานั้น เพียง 8 บาท ขยับมาถึง 60 บาท ในวันนี้ตามห้วงเวลาที่ผันผ่าน “ตอนนั้นหมู 3 กิโลร้อย” คุณป้าประเมินอธิบายเสริมทำให้เราเห็นภาพของการพัฒนาเศรษฐกิจและราคาค่าครองชีพที่ต้องขยับปรับตามไปด้วย
แม้ราคาจะปรับขึ้นตามเงื่อนไขกลไกตลาด แต่คุณภาพของก๋วยเตี๋ยวทุกชามไม่เคยเปลี่ยนแปลง คุณป้าประเมินใส่ใจทุกรายละเอียด ทุกขั้นตอนการทำด้วยตัวเอง ทั้งวัตถุดิบที่ต้องสดใหม่ สั่งของจากเจ้าประจำเดิม ๆ ที่ไว้ใจได้ คุณภาพและปริมาณของก๋วยเตี๋ยว 1 ชาม จึงเป็นมาตรฐานที่ไม่เคยเปลี่ยนมาตลอด 40 ปี
เรารู้สึกได้ถึงความรักในสิ่งที่ทำแต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าคุณป้าเหนื่อยไหม ที่วันนี้ในวัย 77 ปี แล้ว และลูกหลานก็โตมีงานที่ดี มีครอบครัวอยู่สุขสบายกันหมดแล้ว เส้นทางตลอด 40 กว่าปีที่ผ่านมาแม้จะมีรายได้ที่ดีแต่ก็มีการจ่ายด้วยแรงกายที่หนักหนา การได้หยุดพักในช่วงบั้นปลายจึงน่าจะเป็นสิ่งที่คุณป้าประเมินปรารถนา...แต่ไม่ใช่
“เรายังทำได้อยู่ แก่แล้วอย่าไปอยู่เฉยเลย”
คุณป้าประเมินตอบน้ำเสียงหนักแน่น ประหนึ่งว่าความคิดที่ว่า แก่แล้วต้องพักเป็นเรื่องไร้สาระ แม้ว่าจะเคยมีคนทักคุณป้าประเมินว่าแก่แล้วยังไปขายของทำไมก็ตาม การได้ทำงานคือความสุขของคุณป้า เราไม่เข้าใจนักว่าการทำงานเป็นความสุขนั้นคืออย่างไรกันแน่การได้ทำงานคือความสุขของคุณป้า เราไม่เข้าใจนักว่าการทำงานเป็นความสุขนั้นคืออย่างไรกันแน่
“เพราะป้าไม่ได้อยากเที่ยว ไม่ได้ชอบเที่ยว กินไม่เป็น เที่ยวไม่เป็น เล่นไม่เป็น เราชอบทำงาน หยุด 2-3 วัน ก็ไม่ไหวแล้ว ทำงานเป็นอย่างเดียว เรามีอะไรได้ทำเราก็มีความสุข” คุณป้าประเมินพยายามอธิบายใน 1 ปี คุณป้าประเมินหยุดทำงานมากที่สุดรวมแล้วก็ไม่เกิน 5 วัน เท่านั้น การได้อยู่ร้านทุกวัน ได้ทำงานเท่าที่ทำได้ มาหยิบจับ ทำโน่นนี่ ได้เห็นลูกค้า พูดคุยทักทาย และสบายใจว่ามีความมั่นคงสุขสบายสำรองไว้ให้ลูกหลาน เมื่อถามว่าจะหยุดเมื่อไหร่ คำตอบช่างง่าย “ก็เมื่อทำไม่ไหว..” คุณป้าประเมินตอบกลั้วหัวเราะ ซึ่งทั้งเราและคุณป้าประเมินต่างก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่
คุณป้าประเมินไม่มีโรคประจำตัวหนักอะไร มีความดันโลหิตเล็กน้อยตามวัยที่ควบคุมได้ ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี เคยนอนป่วยโรงพยาบาลเพียงครั้งเดียวในชีวิตจากการติดเชื้อแผลเสี้ยนไม้ตำมือ การดูแลสุขภาพกาย สุขภาพใจของคุณป้าประเมินก็เรียบง่ายมากเช่นกัน
ชีวิตที่ผ่านมาของคุณป้าไม่ได้ง่าย ต้องผ่านเรื่องราวเหนื่อยหนักและความขัดสนอยู่ไม่น้อย แต่ก็ผ่านมาได้จนทุกวันนี้ สิ่งสำคัญคือมีระเบียบวินัยในการบริหารจัดการการเงิน
สุดท้ายคุณป้าได้ฝากถึงคนที่จะก้าวเข้าสูงวัยว่า “ตัวเราสำคัญ ต้องประมาณตัวเอง มีเท่าไหร่ ใช้ได้เท่าไหร่ อย่าไปคิดว่าเดี๋ยวเราก็หาได้ จริงอยู่ แต่มันก็มีวันที่ไม่ดีอยู่ด้วย ต้องไม่ประมาท
เตาหม้อก๋วยเตี๋ยวร้านลุงกับป้าไม่เคยดับมา 15 ปี ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ตึกแถวริมถนนฝั่งจรัญฯ 49 เพราะขายดีจนต้องเปิดตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึงตี 3 แบ่งกันเป็น 2 กะ ผลัดเช้า 9 โมงถึง 5 โมงเย็น คุณป้าประเมินจะอยู่หน้าร้าน ส่วนช่วงเย็นถึงกลางคืนเป็นคุณลุงจรัล ลูกค้าบางคนที่มาช่วงกลางคืนจึงเจอแต่ลุงไม่เจอป้า แต่จะมาตอนไหนก็อร่อยและมาตรฐานเดียวกัน.
เชื่อในพลังของการเรียนรู้ที่ไม่รู้จบ สนใจสำรวจเรื่องราวที่เชื่อมโยงผู้คน วิถีชีวิต สังคม และวัฒนธรรม โดยเฉพาะรากเหง้าอีสาน ชื่นชอบการเดินทางเพื่อเปิดโลกใหม่ ๆ และชอบคลายเครียดด้วยทำอาหาร