รูปแบบการเรียนรู้กับเจนเนอเรชั่นที่เปลี่ยนแปลง

อะไรยังอยู่ อะไรเปลี่ยนไป?



         ในโลกที่หมุนเร็วขึ้นทุกวัน เทคโนโลยีและสังคมต่างขับเคลื่อนให้วิธีการเรียนรู้ของมนุษย์ต้องปรับเปลี่ยนตามไปด้วย หลายคนอาจมองว่าระบบการศึกษายังเต็มไปด้วยปัญหา หลักสูตรที่ล้าหลังไม่ทันยุค หรือรูปแบบการสอนที่ไม่ตอบโจทย์ผู้เรียนยุคใหม่ ทว่า หากมองให้ลึกลงไป เราจะพบว่าทุกยุคทุกสมัยต่างมีความพยายามปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับบริบทของเวลานั้น ๆ

         จากรุ่นสู่รุ่น รูปแบบการเรียนรู้ไม่ได้หยุดนิ่ง—หากแต่มีการพัฒนาและแตกแขนงออกไปหลากหลายมากขึ้น ตั้งแต่การเรียนรู้ผ่านการบอกเล่าประสบการณ์ในเวทีเสวนา (talk) ที่เคยเป็นรูปแบบหลักของคนยุคก่อน การอบรมเชิงปฏิบัติการ (workshop) ที่เชื่อมโยงทฤษฎีกับการลงมือทำจริง ไปจนถึงการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมมากขึ้นอย่าง active learning และ E-learning ที่เชื่อมโยงเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่

          และเมื่อมาถึงปัจจุบัน การเรียนรู้ก็ปรับไปอีกขั้น—สั้น กระชับ ตอบโจทย์ความต้องการแบบเฉพาะบุคคลมากขึ้น เราได้เห็นแนวคิด microlearning ที่เน้นเนื้อหาเข้าใจง่าย ใช้ได้จริง หรือ personalized learning ที่ให้ผู้เรียนกำหนดแนวทางของตัวเองได้มากขึ้น

          แต่ไม่ว่ารูปแบบจะเปลี่ยนไปอย่างไร สิ่งที่ยังคงอยู่เสมอคือ “แรงกระตุ้น” ที่ทำให้ผู้คนอยากเรียนรู้ต่อไป และนี่คือสิ่งสำคัญที่ทำให้ทุกยุคสมัยมีแนวทางการศึกษาเป็นของตัวเอง ในบทความนี้ เราจะชวนคุณย้อนมองรูปแบบการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นจากอดีตจนถึงปัจจุบัน เพื่อค้นหาว่า อะไรคือจุดร่วม? อะไรคือจุดต่าง? และบทเรียนอะไรที่เราอาจนำไปต่อยอด เพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์ทุก Generation อย่างแท้จริง



กิจกรรมเสวนา (talk)


         หนึ่งในรูปแบบการเรียนรู้ที่ไม่เคยเก่าไปเลยแม้ยุคสมัยจะเปลี่ยน เรามักจะเห็นรูปแบบเวทีที่เชิญผู้มีประสบการณ์เฉพาะด้านมาแชร์เรื่องราวหรือแลกเปลี่ยนความเห็นกันในหลากหลายแง่มุม มักจะได้ผลเสมอกับ Baby boomer ที่ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ผ่านการบอกเล่าประสบการณ์ แต่ในยุคใหม่ กิจกรรมนี้มักจะมีการผสมผสานเทคโนโลยีร่วมสมัยเพื่อเพิ่มความน่าสนใจ หรือเพิ่มการโต้ตอบระหว่างผู้เล่ากับผู้ฟังมากขึ้น และบางกิจกรรมก็ปรับตัวจากการเข้าร่วมแบบ onsite เป็นแบบ online ไปแล้วด้วย



การอบรมเชิงปฏิบัติการ (workshop)


         ถ้าเป็นสายข้าราชการจะได้ยินบ่อย เป็นรูปแบบการเรียนรู้ที่ผสมผสานระหว่างการเรียนภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติไว้ด้วยกัน น่าจะถูกพัฒนามาจาก Gen X ที่ให้ความสำคัญกับเนื้อหาทางทฤษฎี และประสบการณ์จากการปฏิบัติ ปัจจุบันการเรียนรู้รูปแบบนี้ยังคงเป็นที่นิยม โดยเฉพาะเนื้อหาเฉพาะด้าน มีทั้งหลักสูตรระยะสั้น ระยะยาว แบบ onsite และแบบ online ให้เห็นกันมากมาย



การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (active learning)


         ขอเฉลยเลยว่าผู้เขียนคือคน Gen Y จำได้ว่าเมื่อเข้ามัธยมก็มีห้องเรียนปฏิบัติการอยู่ในโรงเรียนแล้ว มีทั้งห้องปฏิบัติการเสียง (Sound lab) ส่วนใหญ่ใช้ในการเรียนการสอนด้านภาษา ซึ่งเน้นไปที่ภาษาอังกฤษเป็นหลัก ส่วนห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ (Computer lab) เริ่มมีตามหลังมาอีกไม่นาน เป็นยุคที่เราได้จับคอมพิวเตอร์เป็นครั้งแรก ๆ ได้พิมพ์ word ได้ทำสไลด์ power point และเซฟไฟล์ส่งผ่าน floppy disk และในยุคนี้เองก็มี Internet café เกิดขึ้นเต็มบ้านเต็มเมืองให้เราได้ไปทดลองใช้งานชั่วโมงละ 20-30 บาท หลังจากมีคอมพิวเตอร์ เราก็ไม่ค่อยเขียนรายงานด้วยมือกันอีกเลย เอะอะ print ส่งอย่างเดียว ร้านถ่ายเอกสารเลยบูมขึ้นในช่วงนี้ด้วย ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ช่วยกระตุ้นการมีส่วนร่วมของเพื่อนร่วม Gen ผู้เขียนแบบสุด ๆ ปัจจุบันกระบวนการ active learning ยังถูกขยายขอบเขตให้กว้างขวางขึ้นไปอีก เช่น เกิดการเรียนรู้ผ่านเกมเพื่อการศึกษา (gamification) และการจำลองสถานการณ์เสมือนจริง (VR/AR learning) ที่ให้ผู้เล่นได้ทดลองบทบาทใหม่ ๆ ได้คิด ได้ตัดสินใจ และสามารถเข้าใจในเนื้อหานั้น ๆ ได้ง่ายและสนุกยิ่งขึ้น



การเรียนผ่านบทเรียนอิเล็กทรอนิกส์ (E-learning)


         ขยับมาถึงยุคที่หลายโรงเรียนปรับจากกระดานดำมาเป็นกระดานอัจฉริยะ (interactive whiteboard) นักเรียนสามารถเข้าถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เกือบ 100% บทเรียนบางส่วนถูกปรับเป็นรูปแบบดิจิทัล ทั้งภาพ เสียง วิดีโอ และเนื้อหาความรู้นอกเหนือจากในชั้นเรียนก็สามารถหาได้เพิ่มเติมจากอินเตอร์เน็ต สื่อดิจิทัลจึงกลายเป็นแหล่งความรู้หลักมากกว่าหนังสือไปแล้ว เช่น YouTube, Podcasts, Social media หรือคอร์สออนไลน์ ชุดความรู้แบบสั้นกระชับ เข้าใจง่ายเข้าใจง่าย



การเรียนแบบสั้น กระชับ ปรับใช้ได้จริง (microlearning)


         ถูกนำมาปรับใช้ในการเรียนการสอนในช่วง covid-19 ที่มีการเรียนออนไลน์เกิดขึ้น และเพื่อกระตุ้นความสนใจของผู้เรียนที่สั้นลง เป็นกระบวนการที่ตอบสนองต่อธรรมชาติการเรียนรู้ของมนุษย์ได้ดี เพราะมนุษย์จะเรียนรู้ได้มีประสิทธิภาพมากที่สุดในระยะเวลา 5-7 นาทีแรก จากนั้นจะค่อย ๆ ลดความสนใจลงเรื่อย ๆ เนื้อหาที่นำเสนอจึงถูกลดทอนรายละเอียดเพื่อมุ่งไปสู่ประเด็นที่สำคัญ จึงต้องสั้นกระชับ ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย มีขั้นตอนที่ชัดเจน และที่สำคัญต้องสอดแทรกความสนุกเพื่อกระตุ้นความสนใจของผู้เรียนด้วย โดยกระบวนการนี้จะช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น สามารถนำไปปรับใช้ได้จริงได้ง่ายขึ้น และเน้นให้ผู้เรียนสามารถต่อยอดความรู้เดิมผ่านการค้นคว้าด้วยตัวเองได้ในทุก Platform



การเรียนรู้เฉพาะบุคคล (personalized learning)


         เป็นรูปแบบการเรียนที่ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการกำหนดแนวทางการเรียนการสอนเพื่อตอบสนองตามความถนัดหรือเป้าหมายของตัวเอง โดยส่วนใหญ่จะใช้รูปแบบนี้เฉพาะในกลุ่มการศึกษานอกโรงเรียน เช่น home school หรือ private course เป็นต้น



การเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ (creative learning)


         เป็นรูปแบบที่กระตุ้นให้ผู้เรียนใช้กระบวนการคิดหลาย ๆ อย่างประกอบกันอย่างสร้างสรรค์ เน้นให้ผู้เรียนใช้ศักยภาพสูงสุดในการเรียนรู้ (creative power) ผ่านการลงมือปฏิบัติ เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้เชิงลึก โดยมีผู้สอนทำหน้าที่เป็นโค้ชแก่ผู้เรียน ซึ่งคาดว่าการเสริมศักยภาพของผู้เรียนให้มีความสร้างสรรค์มากขึ้น จะช่วยให้สามารถปรับตัวเข้ากับโลกยุคใหม่ที่จะมี AI เข้ามาทำแทนมนุษย์ได้ในบางอาชีพ


... แม้ว่าสิ่งที่แบ่งเส้นระหว่าง Gen จะเป็นเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
... แม้ว่าหลักสูตรเนื้อหาที่ล้าหลังยังคงเป็นปัญหาต่อการศึกษาที่มีคุณภาพตามยุคสมัย


         แต่ก็ยังพบว่า ระหว่างทางของทุกการเรียนรู้ที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ล้วนให้ความสำคัญกับการกระตุ้นความสนใจใคร่รู้ (Attention) ของผู้คนเสมอ เพราะเมื่อใดก็ตามที่เราถูกกระตุ้นให้เข้าถึงความรู้อย่างเข้าใจ ความรู้นั้นก็จะถูกต่อยอดไปตามความสนใจ ท้ายที่สุดแล้วการเรียนรู้นั้นจะพัฒนาผู้คนไปสู่การค้นพบตนเอง ค้นพบเป้าหมายที่หลากหลาย และพบเส้นทางสู่เป้าหมายเหล่านั้นด้วยวิธีการที่สร้างสรรค์นั่นเอง

และหวังว่าในสักวัน ‘สนามชวนเล่น’ ของ The space แห่งนี้จะเป็นพื้นที่หนึ่งที่คอยกระตุ้นให้สังคมนี้เกิดการเรียนรู้ที่สร้างสรรค์ต่อยอดไปในทุก Generation








นที ขำอินทร์

นักออกแบบที่ชอบคิด ชอบเล่น ชอบเที่ยว ชอบเรียนรู้ และชอบหาทำอะไร ๆ ที่สนุกอยู่ตลอดเวลา
เพราะเชื่อว่าการเริ่มต้นด้วยความสนุกจะช่วยปลุกการเรียนรู้สิ่งรอบตัวได้เสมอ